ประเทศไทย: ผู้ลี้ภัยชาวเวียดนามต้องเสี่ยงภัยเพราะรัฐบาลเวียดนาม
ความร่วมมือกับตำรวจเวียดนามสนับสนุนให้เกิดการข่มขู่และปฏิบัติมิชอบ
ความพยายามของประเทศไทยในการฟื้นฟูประชาธิปไตย หลังตกอยู่ภายใต้การปกครองของทหารมาหลายปี ถูกบ่อนทำลายอย่างรุนแรงในปี 2568 เป็นผลมาจากการแทรกแซงของฝ่ายตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญได้ถอดถอนแพทองธาร ชินวัตรจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังดำรงตำแหน่งมาไม่ถึงปี ด้วยเหตุผลที่คลุมเครือ รัฐบาลใหม่ของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล แทบไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนที่ยังคงค้างคาอยู่ ทางการยังคงจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ ผ่านการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยุยงปลุกปั่น และความผิดทางคอมพิวเตอร์ ทางการไม่สามารถคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากการตกเป็นเป้าโจมตีของหน่วยงานรัฐและเอกชน ทั้งยังขาดการบังคับใช้มาตรการที่ชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหาการบังคับให้สูญหาย การลอยนวลพ้นผิดจากการละเมิดอำนาจของกองกำลังความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่มุสลิมในจังหวัดชายแดนใต้ ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาลี้ภัยยังคงเสี่ยงที่จะถูกจับกุมและถูกบังคับส่งกลับประเทศ
ความร่วมมือกับตำรวจเวียดนามสนับสนุนให้เกิดการข่มขู่และปฏิบัติมิชอบ
ไม่มีเอกสารและถูกแสวงหาประโยชน์: พลเมืองชาวเมียนมาในประเทศไทย
ความล้มเหลวในการฟ้องคดีต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบต่อความตาย การบาดเจ็บ
ความจำเป็นในการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศตามกฎหมายของประเทศไทย
สหประชาชาติ และรัฐบาลที่มีความกังวลควรเรียกร้องให้เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ
นำระบบความคุ้มครองชั่วคราวมาใช้; ยอมรับสถานะของผู้ลี้ภัย
โลกสร้างความผิดหวังให้กับชาวอุยกูร์อีกครั้ง
รัฐบาลจีนควรอนุญาตให้องค์การสหประชาชาติและครอบครัวเข้าถึงผู้ทถีÉ ูกส่งกลับทันที
ก้าวต่อไปจะเป็นการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพตามกฎหมายหรือไม่?
ยุติการกักตัว อนุญาตให้ผู้ลี้ภัยได้รับการจำแนกสถานะ
นายกรัฐมนตรีแพทองธารควรยุติการปราบปราม เริ่มการปฏิรูปด้านกฎหมาย
ต้องสอบสวนการสังหาร ลิม กิมยาในกรุงเทพฯ อย่างเร่งด่วน
นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายค้านเสี่ยงจะถูกดำเนินคดีอย่างฉ้อฉลในกัมพูชา
ความล้มเหลวในการฟ้องคดีต่อเจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบต่อความตาย การบาดเจ็บ