Skip to main content

ประเทศไทย: ถอนฟ้องคดีต่อเหยื่อการซ้อมทรมาน

กองทัพพุ่งเป้าโจมตีนักเคลื่อนไหวและสื่อมวลชนด้วยการฟ้องคดีหมิ่นประมาท

Ismae Teh © 2018 Private

(นิวยอร์ก) – กองทัพไทยควรถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาททางแพ่งและอาญาต่อนักสิทธิมนุษยชน ซึ่งแสดงความเห็นต่อสาธารณะว่า ตนเองได้ถูกทหารในจังหวัดชายแดนใต้ซ้อมทรมาน ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ ก่อนหน้านี้ กองทัพยังได้แจ้งความคดีหมิ่นประมาทต่อสำนักข่าวออนไลน์รายใหญ่ เนื่องมาจากการรายงานข่าวของพวกเขา  

“กองทัพไทยกำลังตอบโต้เหยื่อการซ้อมทรมานและสื่อมวลชน ซึ่งรายงานข่าวการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง แทนที่จะลงโทษเจ้าหน้าที่ของตนเอง” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “รัฐบาลทหารไทยซึ่งมีอำนาจควบคุมกองทัพ ควรสั่งการให้ถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาทนี้ และให้ดำเนินการสอบสวนอย่างไม่ลำเอียงและจริงจังต่อการตอบโต้ที่ไร้เหตุผลเช่นนี้”

ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า) ซึ่งดูแลงานด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนใต้ ได้แจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาททางแพ่งและอาญาที่สภ.เมืองปัตตานี เพื่อเอาผิดกับนายอิสมาแอ เต๊ะ ผู้ก่อตั้งเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี (HAP) เป็นการแจ้งความดำเนินคดีหลังอิสมาแอกล่าวหาในรายการ “นโยบาย by ประชาชน” ช่อง Thai PBS เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ว่า เขาได้ถูกซ้อมทรมานระหว่างการควบคุมตัวของทหารเมื่อปี 2551 ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้ายังได้แจ้งความคดีหมิ่นประมาททางแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาทจากสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์ จากการรายงานข่าวกรณีของอิสมาแอ

กองทัพไทยจับกุมอิสมาแอและควบคุมตัวเขาที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานีในปี 2551 โดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก อิสมาแอบอกว่าทหารที่สอบสวนเขาได้ใช้ไฟฟ้าช็อต ชกเขา เตะเขา และใช้ไม้กระบองตีเขาจนเขาสลบไป ทั้งเจ้าหน้าที่ยังราดน้ำใส่เขาเพื่อให้เขาหายใจไม่ออก อิสมาแอบอกว่า เจ้าหน้าที่ใช้วิธีซ้อมทรมานเขาเพื่อบังคับให้รับสารภาพว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ในเดือนตุลาคม 2559 ศาลปกครองสั่งให้กองทัพชดใช้ค่าสินไหมชดเชยความเสียหายให้แก่อิสมาแอเป็นจำนวนเงิน 305,000 บาท สำหรับความเสียหายด้านอารมณ์และร่างกายที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงรายใดถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเนื่องจากการทรมานและการปฏิบัติมิชอบต่ออิสมาแอ

สิทธิของเหยื่อที่จะร้องเรียนเมื่อเกิดการซ้อมทรมานและการปฏิบัติมิชอบ และการร้องขอให้มีการสอบสวนโดยพลันและไม่ลำเอียง ได้รับการคุ้มครองตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งไทยเป็นรัฐภาคี รวมทั้งอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง นอกจากนั้น อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชนยืนยันข้อห้ามที่จะไม่ตอบโต้เอาคืน ไม่ข่มขู่และไม่คุกคามบุคคลซึ่งดำเนินการอย่างสงบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามวิชาชีพและนอกเหนือจากนั้น

ในเดือนมิถุนายน 2557 คณะกรรมการต่อต้านการทรมาน (CAT) เสนอแนะ ให้ประเทศไทย “ดำเนินตามมาตรการทั้งปวงที่จำเป็นเพื่อ (ก) ยุติการคุกคามและการโจมตีนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ผู้สื่อข่าว และผู้นำชุมชนโดยทันที และ (ข) สอบสวนอย่างเป็นระบบต่อรายงานว่ามีการข่มขู่ การคุกคามและการทำร้าย ทั้งนี้โดยุม่งให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีและการลงโทษผู้กระทำความผิด และประกันให้ผู้เสียหายและครอบครัวได้รับการเยียวยาอย่างเป็นผล"

จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลไทยยังไม่สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีจนสำเร็จกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติมิชอบต่อชาวมุสลิมเชื้อสายมาลายู และถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในภาคใต้ ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 6,000 คนนับแต่ปี 2547 นอกจากนั้น ประมวลกฎหมายอาญาของไทยยังไม่มีฐานความผิดทางอาญาต่อการทรมาน

นอกจากปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ความมั่นคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทรมานและการปฏิบัติมิชอบที่ร้ายแรงอย่างอื่นแล้ว กองทัพไทยยังร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้ร้องเรียน โดยกล่าวหาว่าพวกเขาให้ข้อมูลเท็จ และมีเจตนาทำชื่อเสียงของตน

ความพยายามของกองทัพในการใช้คดีหมิ่นประมาท เพื่อตอบโต้เหยื่อการซ้อมทรมาน ตรงข้ามกับสิ่งที่เรียกว่า วาระสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ของนายกรัฐมนตรีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คำสัญญา อีกมากมายของเขาที่จะเอาผิดกับการทรมาน ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

“การแจ้งความดำเนินคดีของกองทัพไทยต่อนักสิทธิมนุษยชนและสื่อมวลชน ซึ่งเปิดโปงปัญหาการซ้อมทรมานที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เท่ากับเป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือของข้ออ้างของรัฐบาลที่ว่า การปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนใต้ของตนเป็นไปอย่างสอดคล้องกับกฎหมาย” อดัมส์กล่าว “ความพยายามต่อต้านปฏิบัติการที่โหดร้ายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ จากการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการซ้อมทรมานและอาชญากรรมที่ร้ายแรงอย่างอื่น

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.