Skip to main content

ประเทศไทย: วาระสิทธิมนุษยชนที่กลวงเปล่า หากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง

ทำตามคำสัญญา ฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐบาลพลเรือน

© 2018 Athit Perawongmetha / Reuters
(นิวยอร์ก) –วาระสิทธิมนุษยชนของ ประเทศไทย จะปราศจากความหมาย หากรัฐบาลไม่ปฏิบัติตามคำสัญญาที่จะเคารพสิทธิขั้นพื้นฐาน และฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นเจ้าภาพในงาน ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาลที่กรุงเทพฯ เพื่อส่งเสริมวาระสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่มีการรับรองเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยมีผู้เข้าร่วมงานหลายร้อยคน รวมทั้งผู้แทนการทูตจากต่างประเทศและตัวแทนจากหน่วยงานระหว่างประเทศและพหุภาคี 55 คน

“ผู้นำรัฐบาลทหารของไทยไม่ควรคิดว่า การเข้าร่วมงานตามมารยาทของนักการทูต ในเวทีส่งเสริมวาระสิทธิมนุษยชนเช่นนี้ จะทำให้พวกเขาเชื่อว่า ประเทศไทยปลอดจากการกดขี่ปราบปรามทุกเมื่อเชื่อวันแล้ว” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “แทนที่จะฟื้นฟูการเคารพสิทธิมนุษยชน และนำพาประเทศกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลทหารกลับคุกคามผู้วิพากษ์วิจารณ์และผู้เห็นต่าง ห้ามการชุมนุมสาธารณะอย่างสงบ เซ็นเซอร์สื่อ และกดดันการใช้เสรีภาพในการแสดงความเห็น”

ในวันงาน พลเอกประยุทธ์กล่าวถึงสูตร “4+3+2+1” ของรัฐบาล ที่จะส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชน และสร้างสันติสุขในสังคม โดยวาระดังกล่าวประกอบด้วยการสร้างจิตสำนึก การมีระบบติดตามตรวจสอบ นวัตกรรม และเครือข่าย รวมทั้งการปรับปรุงฐานข้อมูล ทัศนคติ และกฎหมายที่หนุนเสริมให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามวาระสิทธิมนุษยชน และลดการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชน

รัฐบาลทหารเคยให้สัญญาแบบเดียวกันตั้งแต่รัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 แต่ไม่เคยทำตามอย่างจริงจัง ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว พลเอกประยุทธ์ยังคงใช้อำนาจของตนอย่างกว้างขวางและปราศจากการตรวจสอบ โดยขาดการกำกับดูแลจาก รัฐธรรมนูญที่หนุนหลังโดยรัฐบาลทหาร ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ทั้งนี้เพื่อประกันว่าสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะไม่ถูกตรวจสอบและต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิใด ๆ นับแต่การยึดอำนาจ ทั้งยังเป็นการสืบทอดอำนาจควบคุมอย่างเข้มข้นของกองทัพต่อรัฐบาล แม้จนภายหลังการเลือกตั้งซึ่งรัฐบาลทหารสัญญาจะจัดให้มีขึ้นในปี 2561 

นับแต่รัฐประหาร คสช.เซ็นเซอร์และสั่งห้ามสื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์ระบอบปกครองของทหาร สื่อมวลชนต้องเผชิญการคุกคาม การลงโทษ และการสั่งปิด หากเผยแพร่ความเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์ต่อรัฐบาลทหารและสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือมีการเสนอประเด็นใด ๆ ที่คสช.มองว่ากระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ รวมทั้งการรายงานข้อกล่าวหาว่ากองทัพเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ Peace TV ถูกสั่งให้งดการออกอากาศเป็นเวลา 15 วัน เนื่องจากวิพากษ์วิจารณ์ระบอบปกครองของทหาร

ทางการไทยได้คุกคามผู้วิพากษ์วิจารณ์และผู้เห็นต่าง โดยการดำเนินคดีอาญาในข้อหายุยงปลุกปั่น และ ความผิดทางคอมพิวเตอร์ โดยเป็นผลมาจากการแสดงความเห็นอย่างสงบ และมีกฎหมายห้ามการชุมนุมสาธารณะของบุคคลกว่าห้าคนขึ้นไป รวมทั้งกิจกรรมต่อต้านรัฐประหาร ทางการได้ดำเนินคดีกับ นักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย 39 คน ในข้อหาชุมนุมโดยผิดกฎหมาย หลังเข้าร่วมการชุมนุมอย่างสงบเมื่อวันที่ 27 มกราคม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติตามคำสัญญาที่จะจัดการเลือกตั้งในปี 2561 โดยในจำนวนนี้มีอยู่จำนวนเก้าคนที่ถูกดำเนินคดีในข้อหายุยงปลุกปั่นเนื่องจากการปราศรัยระหว่างการชุมนุม

ที่ผ่านมาหลายพันคนได้ถูกเรียกตัวเข้าพบ และถูกกดดันให้ยุติการแสดงความเห็นทางการเมือง โดยเฉพาะเมื่อมีความเห็นที่ไม่สอดคล้องกับรัฐบาลทหาร คสช.อ้างว่าการแสดงความเห็นทางการเมืองที่หลากหลายทำให้ขาดความสามัคคีในสังคม และมักจะสั่งห้ามการอภิปรายสาธารณะ เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในประเทศไทยภายใต้การปกครองของทหาร

กองทัพมักใช้การควบคุมตัวแบบลับกับผู้ต้องสงสัยในคดีความมั่นคง โดยสามารถควบคุมตัวบุคคลได้นานถึงเจ็ดวันโดยไม่มีการแจ้งข้อหา และมีการสอบปากคำพวกเขาโดยไม่ให้เข้าถึงทนายความ หรือไม่มีหลักประกันเพื่อป้องกันการปฏิบัติมิชอบ

รัฐบาลไม่ได้ปฏิบัติตามพันธกรณีที่จะประกันว่า บุคคลและองค์กรต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมในการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน สามารถปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเกื้อหนุนได้ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หน่วยงานของรัฐ รวมทั้ง บริษัท เอกชนมักตอบโต้กับบุคคลซึ่งรายงานข้อกล่าวหาว่ามีการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งการฟ้องคดีหมิ่นประมาททางอาญา และการหาทางดำเนินคดีในข้อหาการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์กับพวกเขา

ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ คนงานพม่า 14 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท หลังจากเข้าร้องเรียนกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ว่าถูกนายจ้างละเมิดสิทธิแรงงาน ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ กองทัพภาคสี่ซึ่งดูแลรักษาความสงบในจังหวัดชายแดนใต้ของไทย ได้ยื่นฟ้องข้อหาหมิ่นประมาททางแพ่งเรียกร้องเงินค่าเสียหายจำนวน 10 ล้านบาทจากสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์ เนื่องจากรายงานที่กล่าวหาว่ามีการทรมานผู้ต้องสงสัยว่าก่อความไม่สงบระหว่างการควบคุมตัวของทหาร

“แม้จะมีการประกาศรับรองสิ่งที่เรียกว่า ‘วาระสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ’ แต่ยังไม่มีวี่แววว่าระบอบเผด็จการทหารจะยุติลงในเร็ววัน เนื่องจากรัฐบาลทหารยังคงปราบปรามเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และชะลอการคืนอำนาจให้รัฐบาลพลเรือนต่อไป” อดัมส์กล่าว “บรรดาพันธมิตรจำเป็นต้องกดดันประเทศไทยอย่างเร่งด่วน เพื่อยุติการกดขี่ปราบปราม และเพื่อฟื้นฟูความเคารพในสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน”

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.