Skip to main content

ประเทศไทย: รัฐบาลใหม่ยังคงล่าช้าในการคุ้มครองสิทธิ

ต้องมีการปฏิรูปเพื่อยุติการดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรม, “การบังคับให้สูญหาย”, การส่งกลับผู้ลี้ภัย

อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนชาวไทย ชูสามนิ้วเมื่อเดินทางมาถึงศาลอาญา ก่อนที่ศาลจัดตพิพากษาให้เขามีความผิดฐาน “หมิ่นประมาทกษัตริย์” และให้จำคุกเป็นเวลาสี่ปีที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย 26 กันยายน 2566 © 2023 AP Photo/Sakchai Lalit.

(กรุงเทพฯ) – รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งเข้าดำรงตำแหน่งในประเทศไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 ยังไม่ทำการปฏิรูปด้านสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง ทั้งยังไม่ได้แก้ไขปัญหาความอยุติธรรมในอดีต ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ ใน รายงานระดับโลกปี 2567 สถาบันอนุรักษ์นิยมรวมทั้งวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารเมื่อปี 2557 ยังคงปิดกั้นพรรคก้าวไกลที่เน้นการปฏิรูป และชนะได้รับที่นั่งมากสุดในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม เป็นเหตุให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

“เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ควรแสดงให้เห็นว่า เขาจะทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากการปฏิบัติมิชอบในอดีต โดยต้องดำเนินการให้เกิดการปฏิรูปเพื่อสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง และเพื่อยุติการดำเนินคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง” อีเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “ทางการไทยควรยกเลิกข้อหาทั้งปวงต่อผู้ประท้วงอย่างสงบ และผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นข้อหาที่เกิดจากรัฐบาลประยุทธ์ตั้งแต่ปี 2564”

ในรายงานระดับโลกปี 2567 ความยาว 740 หน้า ซึ่งตีพิมพ์เป็นปีที่ 34 ฮิวแมนไรท์วอทช์ทบทวนการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนในกว่า 100 ประเทศ ใน คำนำของรายงาน ทีรานา ฮัสซัน ผู้อำนวยการบริหารกล่าวว่า ปี 2566 เป็นปีที่มีเหตุการณ์สำคัญที่ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับการปราบปรามสิทธิมนุษยชนและความทารุณโหดร้ายระหว่างสงคราม แต่ยังรวมถึงการตอบโต้ด้วยความรุนแรงของรัฐบาลบางประเทศและการทูตแบบมีข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสิทธิมนุษยชนของกลุ่มคนที่ถูกใช้เป็นเงื่อนไขต่อรอง แต่เธอบอกว่ามีสัญญาณแห่งความหวังอยู่บ้าง มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเส้นทางที่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง และเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ยึดมั่นปฏิบัติตามต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของตนอย่างเคร่งครัด 

ทางการไทยใช้มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา (หมิ่นประมาทกษัตริย์) ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปีต่อกรรม ในปี 2566 ทางการได้ฟ้องคดีต่อบุคคลอย่างน้อย 258 คนในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ เนื่องจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในระหว่างการประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย หรือการแสดงความเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย

รัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ แต่หน่วยราชการยังไม่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นผล หรือยังไม่ได้คลี่คลายกรณีที่เกิดขึ้นในอดีต

ประเทศไทยยังคงมีกรณีของผู้ถูกบังคับให้สูญหายจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย โดยมีการรายงาน 76 กรณีเช่นนี้ให้กับคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการหายสาบสูญโดยถูกบังคับหรือไม่สมัครใจ ตั้งแต่ปี 2523 นับแต่ปี 2560 มีฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไทยอย่างน้อยเก้าคนซึ่งหลบหนีไปกัมพูชา ลาว และเวียดนาม ได้ถูกบังคับให้สูญหายในประเทศเหล่านั้น คณะทำงานฯ และองค์กรภาคประชาสังคมเน้นถึงกรณีที่ประเทศไทยบังคับส่งกลับผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่ลี้ภัย กลับไปประเทศเหล่านี้และประเทศอื่น ๆ ที่ละเมิดสิทธิประชาชน เหตุการณ์เหล่านี้เน้นให้เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนและขยายตัวขึ้นของการกดขี่ปราบปรามข้ามชาติโดยรัฐบาลเผด็จการในภูมิภาค

การสู้รบที่เพิ่มขึ้นในเมียนมายังส่งผลให้มีผู้แสวงหาที่ลี้ภัยจำนวนมากขึ้นจากเมียนมา ที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย หลายคนถูกผลักดันให้กลับไปบริเวณพรมแดน

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.