Skip to main content

ศาลฮ่องกงปฏิเสธการบังคับผ่าตัดชายข้ามเพศ

คำพิพากษาคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัว เน้นให้เห็นความจำเป็นของการปฏิรูปเชิงระบบ

Transgender activist Henry Edward Tse speaks to reporters outside of Court of Final Appeal in Hong Kong, February 6, 2023.  © 2023 Anthony Kwan/AP Photo

ศาลฎีกาฮ่องกง พิพากษาในสัปดาห์นี้ ว่า ข้อกำหนดของรัฐบาลให้ชายข้ามเพศต้องเข้ารับ “การผ่าตัดแปลงเพศอย่างสมบูรณ์” หากต้องการเปลี่ยนเพศสภาพตามกฎหมาย ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญตามพระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิ คำพิพากษานี้มีผลต่อชายข้ามเพศสองคนที่ประสงค์จะเปลี่ยนสรรพนามแสดงเพศตามกฎหมายในบัตรประชาชน แต่ไม่ประสงค์จะเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศอย่างสมบูรณ์

ศาลได้อ้างถึง เอกสารของคณะทำงาน ของรัฐบาลฮ่องกงเมื่อปี 2560 รวมทั้งศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป ซึ่งมีข้อสรุปว่า ข้อกำหนดให้ผ่าตัดแปลงเพศละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว และไม่ทำให้เกิดความสมดุลที่ชอบด้วยเหตุผลระหว่าง “ประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมกับสิทธิของผู้ร้อง” 

ศาลปฏิเสธข้อโต้แย้งของคณะกรรมการทะเบียนราษฎร์ จำเลยในคดีนี้ ซึ่งระบุว่าการผ่าตัดแปลงเพศโดยสมบูรณ์เป็นเพียง “หลักเกณฑ์ที่เป็นกลางและตรวจสอบได้” ทั้งได้ยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นทั่วโลกมาประกอบข้อโต้แย้ง ศาลระบุว่า ข้อกังวลเกี่ยวกับการแยกแยะพื้นที่ตามเพศในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นข้อกังวลที่ “เกินจริง” และระบุว่า ชายข้ามเพศที่สามารถตั้งครรภ์ได้เป็นสภาพการณ์ที่ไม่ปกติ และไม่เป็นเหตุผลอันควรที่จะนำมาใช้เพื่อควบคุมสถานะทางเพศของผู้ร้อง

ในคำพิพากษายังระบุต่อไปว่า นโยบายในปัจจุบันของฮ่องกงที่กำหนดให้ต้อง “เข้ารับการผ่าตัดที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวอย่างมาก รวมถึงการรักษาในรูปแบบต่าง ๆ” เป็นข้อกำหนดซึ่ง “ถูกปฏิเสธมากขึ้นในหลายเขตอำนาจศาล” ศาลยังมีข้อสังเกตต่อไปว่า “คนข้ามเพศบางส่วนรู้สึกถูกกดดันให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ เพียงเพื่อจะขอแก้ไขข้อมูลในบัตรประชาชน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเลือกปฏิบัติ การดูหมิ่น การละเมิดศักดิ์ศรี และการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวที่มักเกิดขึ้น” 

ศาลยังระบุในคำพิพากษาว่า “เป็นเรื่องที่ต้องโต้แย้งในหลักการ ในแง่การกำหนดหลักเกณฑ์ว่าหากต้องการแก้ไขสรรพนามระบุเพศ ต้องมีข้อกำหนดให้เข้ารับการผ่าตัดที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง ซึ่งอาจไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์แต่อย่างใด” 

แม้ว่าคำพิพากษานี้จะเขียนขึ้นเพื่อตอบสนองเป็นการเฉพาะต่อกรณีของผู้ร้องในคดีนี้เท่านั้น แต่ศาลมีข้อเสนอแนะว่า ทางการฮ่องกงควรดำเนินการแก้ไขโดยทั่วไปเกี่ยวกับ นโยบายในปัจจุบันที่ควบคุมกำกับ สถานะตามกฎหมายของคนข้ามเพศ “ในหลายกรณี ผลประโยชน์ต่อสังคมตามนโยบายนี้เป็นสิ่งที่เลื่อนลอย และมีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อยมาก” ผู้พิพากษาเขียนในคำพิพากษา โดยมีข้อสังเกตว่าเป็นนโยบายที่ทำให้ “บุคคลอย่างผู้ร้องต้องตกอยู่ในlสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก คือต้องเลือกระหว่างการทุกข์ทรมานจากการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวต่อไป หรือเลือกที่จะเข้ารับการผ่าตัดที่ล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวอย่างมาก และไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์ เป็นการละเมิดต่อสิทธิของบูรณภาพทางร่างกาย”

คำพิพากษานี้แม้จะมีผลบังคับอย่างจำกัด แต่เป็นการส่งสัญญาณอย่างหนักแน่นว่า คณะกรรมการทะเบียนราษฎร์ควรปฏิรูปหลักเกณฑ์ที่ล้าสมัยของฮ่องกง เพื่อยอมรับสถานะตามกฎหมายของคนข้ามเพศ คำพิพากษายังเป็นข้อมูลอ้างอิงที่สำคัญในการแยกแยะระหว่างข้อกำหนดให้ต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ ออกจากสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะมีการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศตามกฎหมาย

Your tax deductible gift can help stop human rights violations and save lives around the world.

Region / Country
Topic