Skip to main content

ประเทศไทย: ทางการสั่งปิดกั้นสถานีโทรทัศน์ที่วิพากษ์วิจารณ์

ยุติการปิดกั้นสื่อ เสรีภาพในการแสดงออก

© 2020 Voice TV

(กรุงเทพฯ 21 ตุลาคม 2563) –การสั่งปิดสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีของรัฐบาลไทย ถือเป็นการใช้อำนาจตามพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินของไทยอย่างมิชอบเพื่อปิดกั้นสื่อ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้  

ในวันที่ 20 ตุลาคม 2563 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประกาศในระหว่างการแถลงข่าวว่า รัฐบาลได้รับคำสั่งจากศาลให้สั่งปิดทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ของวอยซ์ทีวี ทางกระทรวงกล่าวหาว่า การรายงานข่าวการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในกรุงเทพฯ ในวันที่ 16 ตุลาคมของสถานีโทรทัศน์ดังกล่าว ละเมิดมาตรการควบคุมสื่อ ที่ประกาศใช้ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และละเมิดพระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

“การสั่งปิดกั้นวอยซ์ทีวีเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของรัฐบาลไทย เพื่อหาทางหยุดยั้งการรายงานข่าวเกี่ยวกับการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย และเป็นการปฏิบัติมิชอบต่อผู้ประท้วง” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “การปราบปรามครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างกว้างขวาง เพื่อกลั่นแกล้งและควบคุมสื่อให้กลายเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล”

ในวันที่ 15 ตุลาคม ก่อนจะมีการสั่งปิดการแพร่ภาพทางออนไลน์ของสถานีแห่งนี้ ทางการไทยกดดันผู้ให้บริการสัญญาณดาวเทียม ให้ปิดกั้นการถ่ายทอดรายการของวอยซ์ทีวี นับแต่การทำรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ซึ่งส่งผลให้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้าสู่อำนาจ รัฐบาลได้พุ่งเป้าโจมตีเพื่อปิดกั้นวอยซ์ทีวี และกำหนดมาตรการลงโทษสถานีแห่งนี้ มากกว่าสถานีโทรทัศน์อื่นใดในประเทศไทย

รัฐบาลยังได้ร้องขอคำสั่งศาลเพื่อปิดกั้นสื่อออนไลน์อีกสามแห่ง ได้แก่ The Reporters, The Standard และ ประชาไท ด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกัน นอกจากนั้น ฮิวแมนไรท์วอทช์ยังได้รับเอกสารที่ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลกำลังหาทางปิดกั้นบัญชีเทเลแกรมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่เป็นขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย

ในวันที่ 15 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ องค์การสหประชาชาติ, องค์กรสิทธิมนุษยชนของไทย และฮิวแมนไรท์วอทช์ รวมทั้งองค์กรอื่น ๆ ต่างแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานในประเทศไทย

พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินให้อำนาจทางการในการปิดกั้นอย่างกว้างขวาง ละเมิดสิทธิที่จะสามารถแสดงออกได้อย่างเสรีและเสรีภาพสื่อ ในวันที่ 16 ตุลาคม ตำรวจได้ แจ้งเตือนหลายครั้ง เกี่ยวกับรายงานข่าวและการให้ความเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ทางโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ รัฐบาล และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ มีการประกาศว่าการไลฟ์เพื่อรายงานสดการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งการโพสต์ภาพเซลฟี่ในที่ชุมนุม

ในวันดังกล่าว ตำรวจจับกุมนายนายกิตติ พันธภาค นักข่าวประชาไท ระหว่างที่เขารายงานสดการใช้กำลังตำรวจเพื่อสลายการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในกรุงเทพฯ ทรูวิชันส์ได้รับสิทธิถ่ายทอดรายการทางเคเบิลทีวีจาก BBC World Service, CNN และ Al Jazeera English แต่กลับปิดกั้นการรายงานข่าวของช่องดังกล่าว เมื่อเป็นรายงานเกี่ยวกับการประท้วงในประเทศไทย นอกจากนั้น ทางการไทยยังปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ Change.org ที่เปิดให้คนลงชื่อในจดหมายประท้วง หลังมีการจัดทำจดหมายให้คนลงชื่อ เรียกร้องทางการเยอรมนีให้ประกาศให้กษัตริย์วชิราลงกรณ์เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ
 
รัฐบาลแสดงความเป็นปรปักษ์มากขึ้นต่อการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม และได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศ ผู้ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และให้ทางการยุติการคุกคามประชาชนที่ใช้เสรีภาพในการแสดงออก การประท้วงบางส่วนยังรวมถึงการเรียกร้องให้ปฏิรูปเพื่อจำกัดพระราชอำนาจ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่ามี ผู้ประท้วงอย่างน้อย 81 คน ถูกจับนับแต่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ

กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รวมทั้งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งประเทศไทยให้สัตยาบันรับรองเมื่อปี 2539 คุ้มครองสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ แต่ทางการไทยมักเซ็นเซอร์และออกข้อกำหนดเพื่อควบคุมการอภิปรายของสาธารณะเกี่ยวกับประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน การปฏิรูปทางการเมือง และบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคม ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นักกิจกรรมและผู้เห็นต่างจากรัฐหลายร้อยคนถูกดำเนินคดีในข้อหาอาญาร้ายแรง รวมทั้งยุยงปลุกปั่น ความผิดด้านคอมพิวเตอร์ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อันเป็นผลจากการแสดงความเห็นอย่างสงบ

นอกจากนั้น ในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา ทางการไทยยังใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อช่วยควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นข้ออ้าง เพื่อสั่งห้ามการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและเพื่อคุกคามนักกิจกรรมที่เรียกร้องประชาธิปไตย  
 
“รัฐบาลที่เกี่ยวข้องและองค์การสหประชาชาติ ควรประกาศข้อเรียกร้องอย่างเปิดเผย ให้รัฐบาลไทยยุติการเซ็นเซอร์และการปราบปรามทางการเมืองโดยทันที” อดัมส์กล่าว “นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ควรยกเลิกคำสั่งปิดกั้นวอยซ์ทีวีโดยทันที และยุติการดำเนินงานเพิ่มเติมใด ๆ เพื่อปิดกั้นเสรีภาพสื่อ และการแสดงความเห็นอย่างเสรีในประเทศไทย”

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.