Skip to main content

ประเทศไทย: พบซากชิ้นส่วนของนักเคลื่อนไหวที่ “หายตัวไป”

ความยุติธรรมสำหรับบิลลี่ถูกขัดขวาง เนื่องจากการปกปิดข้อมูลและช่องโหว่ด้านกฎหมาย

พอละจี รักจงเจริญ © 2014 Human Rights Watch / Private

(นิวยอร์ก) – ทางการไทย ควรดำเนินการสอบสวนที่น่าเชื่อถือโดยทันที กรณีการอุ้มฆ่านักเคลื่อนไหวชาวกะเหรี่ยงคนสำคัญ ซึ่งตกเป็นเหยื่อการบังคับบุคคลให้สูญหาย ที่เกิดขึ้นเมื่อกว่าห้าปีที่แล้ว ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ 

ในการแถลงข่าววันที่ 3 กันยายน 2562 กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม แถลงว่า พบซากชิ้นส่วนจากศพของพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นจุดที่เขาหายตัวไประหว่างถูกเจ้าหน้าที่อุทยานควบคุมตัวเมื่อเดือนเมษายน 2557

“การค้นพบซากชิ้นส่วนของบิลลี่ ควรกระตุ้นให้ทางการไทย เพิ่มความพยายามอย่างเร่งด่วนในการสอบสวน และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามแนวทางการสอบสวนที่พบ” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “ไม่ควรมีความพยายามปกปิดข้อมูล หรือทำให้เกิดความล่าช้าอีกต่อไป หากควรมีการดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมต่อทุกคนที่มีส่วนรับผิดชอบกับความตายของบิลลี่”

พันตำรวจโทกรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่า คณะผู้สอบสวนได้พบถังน้ำมัน เศษซากของฝาปิดถัง เหล็กเส้นสองชิ้น ชิ้นส่วนของไม้ที่ถูกเผาไหม้ และเศษกระดูกสองชิ้นที่ก้นอ่างเก็บน้ำในระหว่างวันที่ 26 เมษายน 2562 และ 22-24 พฤษภาคม 2562 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าสารพันธุกรรมที่พบในกระดูกหนึ่งชิ้น ซึ่งพบอยู่ในถังน้ำมัน ตรงกับแม่ของบิลลี่ คณะผู้สอบสวนจึงสรุปว่า เศษกระดูกดังกล่าวเป็นของบิลลี่ โดยระบุว่า วัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะของมนุษย์ มีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200-300 องศาเซลเซียส ซึ่งชี้ว่าคนร้ายได้เผาศพบิลลี่เพื่ออำพรางคดี คณะผู้สอบสวนได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้งในระหว่างวันที่ 28-30 สิงหาคม และพบเศษกระดูกอีกกว่า 20 ชิ้น โดยแปดชิ้นเป็นกระดูกมนุษย์

ประเทศไทยมีพันธกรณีตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ตนเป็นภาคี โดยจะต้องดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีอย่างเหมาะสมเมื่อเกิดเหตุการบังคับบุคลให้สูญหาย การทรมาน การเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว และข้อกล่าวหาว่ามีการละเมิดร้ายแรงด้านสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว 

ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ดีเอสไอมีอำนาจในการสอบสวนคดีอาญาร้ายแรง รวมทั้งคดีที่มีความซับซ้อนซึ่งจำเป็นต้องใช้วิธีสอบสวนพิเศษ สอบสวนความผิดอาญาที่กระทำโดยกลุ่มอาชญากร และคดีเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดีเอสไอจึงควรเป็นแกนนำในการสอบสวนคดีสำคัญนี้ต่อไป ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

อย่างไรก็ดี การสอบสวนที่ผ่านมาประสบความล่าช้า เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายไทยที่กำหนดให้การบังคับบุคลให้สูญหายเป็นความผิดอาญา รัฐบาลเป็นผู้กระทำการบังคับบุคลให้สูญหาย เมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือตัวแทนนำบุคคลมาควบคุมตัว และต่อมาปฏิเสธว่าไม่ได้ควบคุมตัวบุคคล หรือไม่ยอมเปิดเผยชะตากรรมหรือที่อยู่ของบุคคลนั้น 

ที่ผ่านมาฮิวแมนไรท์วอทช์กระตุ้นรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามาตลอด เพื่อให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ ซึ่งประเทศไทยได้ลงนามเมื่อปี 2555 และให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาเพื่อกำหนดให้การบังคับบุคลให้สูญหายเป็นความผิดอาญา

“จำเป็นต้องมีการสอบสวนอย่างน่าเชื่อถือโดยเร่งด่วนเพื่อครอบครัวของบิลลี่ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับนักปกป้องสิทธิคนสำคัญที่มาจากชุมชนชาวกะเหรี่ยง และเพื่อยุติการบังคับบุคลให้สูญหายในประเทศไทย” อดัมส์กล่าว “คดีของบิลลี่จะเป็นเงาบดบังรัฐบาลไทยต่อไป จนกว่าจะมีการชี้แจงถึงชะตากรรมของเขาทั้งหมด และจนกว่าจะมีการลงโทษผู้กระทำความผิด”

ข้อมูลพื้นฐาน

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในขณะนั้น และเจ้าหน้าที่ของเขา ได้จับกุมบิลลี่ในข้อหาครอบครองน้ำผึ้งป่าอย่างผิดกฎหมาย พร้อมกับของกลางเป็นขวดน้ำผึ้งหกขวด เจ้าหน้าที่อุทยานอ้างว่า ต่อมาได้ปล่อยตัวบิลลี่หลังสอบปากคำเขาเป็นเวลาสั้น ๆ และไม่มีข้อมูลว่าเขาอยู่ที่ไหน ในเดือนกันยายน 2557 ตำรวจภูธรภาค 7 ได้ดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญาต่อนายชัยวัฒน์ และเจ้าหน้าที่อุทยานอีกสี่คน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าควบคุมตัวบิลลี่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยตำรวจไม่พบว่ามีหลักฐานการปล่อยตัวบิลลี่ออกมา ดีเอสไอพบคราบเลือดมนุษย์ในรถยนต์ที่เป็นของเจ้าหน้าที่อุทยาน แต่ไม่ทันได้ตรวจสอบว่าเป็นเลือดของบิลลี่หรือไม่ เนื่องจากมีการล้างรถยนต์คันดังกล่าว ก่อนที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะทำการตรวจสอบ

ขณะที่ตกเป็นเหยื่อการบังคับบุคลให้สูญหาย บิลลี่กำลังเดินทางจากหมู่บ้านในภูเขาที่อำเภอแก่งกระจาน ไปพบกับชาวบ้านชาวกะเหรี่ยงและนักเคลื่อนไหว เพื่อเตรียมตัวในการขึ้นศาล ในคดีที่ชาวบ้านฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายชัยวัฒน์ ชาวบ้านกล่าวหาในคำฟ้องว่าในเดือนกรกฎาคม 2554 ทางการได้เข้ามาทำลายและเผาบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงกว่า 20 ครอบครัวที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน บิลลี่ยังอยู่ระหว่างเตรียมยื่นทูลเกล้าถวายฎีกาในคดีนี้ โดยเขาได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องติดตัวไปด้วย

แม้นายชัยวัฒน์จะถูก กล่าวหา ในหลายข้อหา รวมทั้งการใช้อำนาจและการประพฤติตนอย่างมิชอบร้ายแรง ขณะดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แต่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงเลื่อนตำแหน่งให้เขาเป็นหัวหน้าหน่วยพญาเสือ ซึ่งทำหน้าที่คุ้มครองป่าไม้และสัตว์ป่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.