Skip to main content

ประเทศไทย: กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใช้กับระเบิดในภาคใต้

ยุติการใช้อาวุธต้องห้าม ยุติการโจมตีพลเรือน

© 2018 Private
นิวยอร์ก) – กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเพื่อแบ่งแยกดินแดนได้วางกับระเบิด เพื่อทำร้ายคนงานกรีดยาง สร้างผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้ของประเทศไทย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมุสลิมเชื้อสายมลายู ซึ่งมีส่วนเชื่อมโยงกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน Barisan Revolusi Nasional (BRN) ควรยุติการใช้กับระเบิดต่อต้านบุคคล และยุติการโจมตีพลเรือนโดยทันที

ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 นายสุทิน แห้วขุนทด คนงานกรีดยางชาวไทยพุทธในอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ต้องเสียขาไปข้างหนึ่งจากการเหยียบกับระเบิด ซึ่งตามรายงานข่าวเป็นกับระเบิดที่ถูกวางไว้โดยกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในสวนยางพาราที่เขาทำงาน คนงานกรีดยางชาวไทยพุทธอีกสองคนคือ นางวิภาพรรณ ปลอดแก่นทอง และนายชุติพนธ์ นามวงค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกับระเบิดที่อำเภอยะหา จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน และที่อำเภอเมือง ในวันที่ 2 กรกฎาคม

“การวางกับระเบิดในสวนยางพารา และตามเส้นทางเดินของชาวบ้าน เป็นการกระทำที่โหดร้ายเกินกว่าจะบรรยาย” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบควรยุติการใช้อาวุธที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเหล่านี้ และให้เคลื่อนย้ายกับระเบิดที่วางไว้ออกไปให้หมด"

กลุ่มแบ่งแยกดินแดนควรปฏิบัติตามสนธิสัญญาต่อต้านกับระเบิด พ.ศ.2540 (1997 Mine Ban Treaty) ซึ่งประเทศไทยให้สัตยาบันรับรองเมื่อปี 2541 ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว กับระเบิดต่อต้านบุคคลเป็นอาวุธต้องห้าม เนื่องจากส่งผลกระทบอย่างไม่เลือกปฏิบัติ ต่อทั้งพลเรือนและผู้มีส่วนร่วมในการสู้รบ และเพราะสามารถสังหารและทำให้บุคคลพิการ แม้จะมีการวางกับระเบิดนี้ไว้นานแล้ว

กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอ้างว่า ชาวไทยพุทธไม่ควรอาศัยอยู่ในจังหวัดชายแดนใต้ ที่ผ่านมาพวกเขาได้ใช้กับระเบิดทั้งที่จุดชนวนจากการสัมผัสของเหยื่อ และการจุดชนวนจากทางไกล ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตามข้อมูลของ Landmine Monitor กับระเบิดแบบจุดชนวนจากการสัมผัสของเหยื่อ ถือเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเฉพาะตามสนธิสัญญาต่อต้านกับระเบิด นับแต่มีรายงานกรณีนี้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2553 ฮิวแมนไรท์วอทช์พบว่า ผู้ก่อความไม่สงบในนามกลุ่ม BRN มักใช้ระเบิดที่จุดชนวนจากแรงกดบนแป้นหรือสายที่โดนเหยียบ เพื่อสังหารและทำร้ายคนงานสวนยางและคนงานสวนผลไม้

กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า กฎหมายสงคราม ห้ามการโจมตีทำร้ายพลเรือน หรือการโจมตีที่ไม่แบ่งแยกระหว่างผู้มีส่วนร่วมในการสู้รบกับพลเรือน นับแต่มีการโจมตีเพิ่มขึ้นของฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบตั้งแต่เดือนมกราคม 2547 ฮิวแมนไรท์วอทช์สามารถเก็บข้อมูล การละเมิดกฎหมายสงครามได้หลายกรณี ผู้เสียหายส่วนใหญ่มักเป็นพลเรือนจากกลุ่มประชากรไทยพุทธและชาวมุสลิมเชื้อสายมลายู ทั้งในจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ไม่มีเหตุผลอันชอบธรรมตามที่ผู้ก่อความไม่สงบอ้างว่า การโจมตีพลเรือนไทยพุทธเหล่านี้ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐไทยพุทธ หรือการอ้างว่าตามกฎหมายอิสลาม พวกเขาสามารถปฏิบัติการโจมตีเช่นนี้ได้


ผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนสุดจากการโจมตีของฝ่ายก่อความไม่สงบคือ การอพยพหลบหนีของชาวไทยพุทธจากชุมชน ซึ่งเดิมพวกเขาเคยอยู่ร่วมกันกับชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูมาหลายรุ่นคน พวกเขาต้องทอดทิ้งสวนเกษตรของตนเองไป นายสุทิน แห้วขุนทด ซึ่งเป็นเหยื่อกับระเบิดครั้งนี้ เป็นคนงานกรีดยางชาวไทยพุทธคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในหมู่บ้านของเขา

แม้ว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากปฏิบัติการกวาดล้างของกองกำลังฝ่ายความมั่นคง แต่พวกเขายังคงมีอิทธิพลอยู่ในหมู่บ้านชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูอีกหลายร้อยแห่ง ผู้ก่อความไม่สงบในนามกลุ่ม BRN มักอ้างว่ายุทธวิธีซึ่งเป็นการปฏิบัติมิชอบและรุนแรงของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐ เป็นเหตุผลอันชอบธรรมให้พวกเขาปฏิบัติการด้วยความรุนแรง และถูกใช้เป็นเหตุผลเพื่อชักจูงคนให้เข้าร่วมขบวนการ

ในจังหวัดชายแดนใต้ กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลไทยและกลุ่มอาสาสมัครพลเรือน ได้ปฏิบัติการโจมตีเพื่อตอบโต้ และได้ปฏิบัติมิชอบ ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายสงครามเช่นกัน ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว กองกำลังของรัฐได้รับประโยชน์จากวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ฝังรากลึกในจังหวัดชายแดนใต้ ที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่สามารถดำเนินคดีจนเป็นผลสำเร็จ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารรายใดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนกับผู้ต้องสงสัยชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูที่เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ

“รัฐบาลไทยควรตอบโต้กับการใช้กับระเบิด และการโจมตีทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมต่อพลเรือนของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ด้วยการปฏิบัติตามหลักนิติธรรม ยุติการปฏิบัติมิชอบของกองกำลังความมั่นคง และแก้ปัญหาตามข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานของชุมชนชาวมุสลิมเชื้อสายมลายู” อดัมส์กล่าว “หากรัฐบาลยังคงปกป้องเจ้าหน้าที่ของตนจากความรับผิดทางอาญาต่อไป ก็จะเป็นการสุมเชื้อไฟเพื่อเร่งเปลวเพลิงแห่งความรุนแรงจากการก่อความไม่สงบมากยิ่งขึ้น”


ฮิวแมนไรท์วอทช์เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นประธานโครงการรณรงค์นานาชาติเพื่อต่อต้านกับระเบิด (International Campaign to Ban Landmines - ICBL) ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2540 จากการดำเนินงานจนเกิดสนธิสัญญาต่อต้านกับระเบิด ฮิวแมนไรท์วอทช์ยังเป็นบรรณาธิการของรายงานประจำปีว่าด้วยสถานการณ์กับระเบิด (Landmine Monitor report) ของ ICBL

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.