Skip to main content

กัมพูชา: นายพลที่ปฏิบัติมิชอบของฮุนเซน

‘นายพลผู้ฉ้อฉล 10 กว่านาย’ ที่อยู่เบื้องหลังการคุกคามสิทธิในการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม

Top row, from left to right: Gen. Kun Kim, RCAF Deputy Supreme Commander; Gen. Mok Chito, Deputy Supreme Commissioner of National Police; Gen. Neth Savoeun, Supreme Commissioner of National Police; Gen. Pol Saroeun, RCAF Supreme Commander. Middle row, from left to right: Gen. Sao Sokha, Commander of National Gendarmerie; General Sok Phal, Supreme Director of the Supreme Directorate for Immigration; Lt. Gen. Bun Seng, Deputy Army Commander, Commander of Military Region 5; Lt. Gen. Chap Pheakdey, Deputy Army Commander, Brigade 911 Commander. Bottom row, from left to right: Lt. Gen. Choeun Sovantha, Deputy Army Commander, Commander of Military Region 2; Lt. Gen. Rat Sreang, National Gendarmerie Deputy Commander, Phnom Penh Gendarmerie Commander; General Chuon Sovan, National Police Deputy Supreme Commissioner; Gen. Chea Mon, Deputy Army Commander, Commander of Military Region 4. © 2018 Human Rights Watch
(นิวยอร์ก) – ระบอบปกครองแบบพรรคเดียวที่มีลักษณะเผด็จการมากยิ่งขึ้นของกัมพูชา ได้รับการสนับสนุนจากการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บัญชาการหน่วยงานความมั่นคง ซึ่งอยู่เบื้องหลังการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและอย่างเป็นระบบ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ ในรายงานฉบับใหม่ นายกรัฐมนตรีฮุนเซนและพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ได้รับประโยชน์จากแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นของผู้บัญชาการระดับสูง ทั้งของกองทัพบก กรมสารวัตรทหารและตำรวจ เป็นเหตุให้สามารถกำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และยุบพรรคฝ่ายค้านได้อย่างเบ็ดเสร็จ และเป็นเหตุให้การเลือกตั้งระดับชาติซึ่งจะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2561 ไร้ความหมาย

ในรายงาน 213 หน้า เรื่อง “นายพลผู้ฉ้อฉล 10 กว่าคนของกัมพูชา: ประวัติศาสตร์อันยาวนานของการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิโดยนายพลของฮุนเซน” (Cambodia’s Dirty Dozen: A Long History of Rights Abuses by Hun Sen’s Generals) ฉายภาพของผู้บัญชาการระดับสูงของหน่วยงานความมั่นคง 12 นาย ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของระบอบการเมืองที่ปฏิบัติมิชอบและยึดกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ผู้บัญชาการแต่ละคนเหล่านี้ต่างมีตำแหน่งระดับสูง และดำรงตำแหน่งที่เอื้อประโยชน์ทางการเมืองอย่างมาก และมีสายสัมพันธ์ส่วนบุคคลกับฮุนเซน ย้อนหลังไปกว่าสองทศวรรษหรือกว่านั้น นายพลแต่ละนายได้แสดงให้เห็นเจตจำนงในการเป็นตัวแทนของฮุนเซนเพื่อปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิ แทนที่จะทำงานรับใช้ประโยชน์สาธารณะ ผู้บัญชาการเหล่านี้ต่างทำหน้าที่คุ้มครองระบอบของฮุนเซน ซึ่งอยู่ในอำนาจมากว่า 33 ปี ในชีวิตราชการของบุคคลเหล่านี้ พวกเขาดำรงตำแหน่งทางราชการที่มีเงินเดือนเพียงเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริงพวกเขากลับสามารถสะสมสมบัติมากมาย ซึ่งไม่อาจอธิบายถึงที่มาได้

“ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฮุนเซนได้สร้างกลุ่มของผู้บัญชาการหน่วยงานความมั่นคงที่สำคัญ บุคคลเหล่านี้ปฏิบัติตามคำสั่งของเขาอย่างไร้ความปราณีและใช้ความรุนแรง” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “นายพลของกัมพูชาเหล่านี้ยิ่งมีบทบาทเด่นชัดมากขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม พวกเขามีส่วนร่วมในการปราบปรามผู้สื่อข่าว ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาล ทั้งยังออกมารณรงค์หาเสียงให้กับฮุนเซนอย่างเปิดเผย”

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฮุนเซนได้สร้างกลุ่มของผู้บัญชาการหน่วยงานความมั่นคงที่สำคัญ บุคคลเหล่านี้ปฏิบัติตามคำสั่งของเขาอย่างไร้ความปราณีและใช้ความรุนแรง
Brad Adams

ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย

ฮิวแมนไรท์วอทช์ได้เก็บข้อมูลมาเป็นเวลานานเกี่ยวกับสถิติด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายของฮุนเซน ในช่วงกว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา นักการเมืองฝ่ายค้าน ผู้สื่อข่าว แกนนำสหภาพแรงงานและบุคคลอื่น ๆ อีกหลายร้อยคน ถูกสังหารโดยมีแรงจูงใจทางการเมือง แม้ในหลายกรณีเหล่านี้ เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการสังหารเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการสอบสวนหรือการดำเนินคดีอย่างน่าเชื่อถือกับเจ้าหน้าที่เหล่านี้เลย ทั้งยังแทบไม่เคยมีเจ้าหน้าที่คนใดถูกตัดสินว่ามีความผิด ในบางกรณี เจ้าหน้าที่ระดับล่างหรือผู้ปฏิบัติงานถูกดำเนินคดี แต่ผู้บังคับบัญชาที่สั่งการกลับลอยนวลพ้นผิด เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงยังใช้กำลังจับกุม ทุบตี คุกคาม และข่มขู่ผู้วิพากษ์วิจารณ์โดยพลการ ทั้งที่เป็นผู้ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน นักกิจกรรมด้านแรงงาน นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิในที่ดิน และบล็อกเกอร์ รวมทั้งคนอื่น ๆ ซึ่งแสดงความเห็นผ่านอินเตอร์เน็ต

ฮุนเซนได้รักษาระบอบปกครองอย่างเผด็จการเอาไว้ โดยกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่แสดงความภักดีต่อเขา แทนที่จะภักดีต่อกองทัพ หน่วยสารวัตรทหารและหน่วยงานตำรวจที่พวกเขาดำรงตำแหน่งอยู่ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

รายงานได้ระบุชื่อผู้บังบัญชาระดับสูง 12 คน พร้อมรายละเอียดการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนของพวกเขาในกัมพูชา ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970 จนถึงปัจจุบัน (เจ้าหน้าที่บางคนยังได้ขอพักงานชั่วคราวเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาชนกัมพูชาในการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม)

  • พลเอก Pol Saroeun, ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพกัมพูชา (RCAF)
  • พลเอก Kun Kim, รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพกัมพูชา และหัวหน้าคณะเสนาธิการร่วมกองทัพกัมพูชา
  • พลเอก Sao Sokha, รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพกัมพูชา และผู้บัญชาการกรมสารวัตรทหาร (GRK)
  • พลตำรวจเอก Neth Savoeun, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา
  • พลโท Chea Man, รองผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาค 4
  • พลโท Bun Seng, รองผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาค 5
  • พลโท Choeun Sovantha, รองผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาค 2
  • พลโท Chap Pheakdey, รองหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารร่วมกองทัพกัมพูชา และผู้บัญชาการกองพลน้อยพลร่มพิเศษ 911
  • พลโท Rat Sreang, รองผู้บัญชาการกรมสารวัตรทหารระดับประเทศ และผู้บัญชาการผู้บัญชาการกรมสารวัตรทหารพนมเปญ
  • พลตำรวจเอก Sok Phal, รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา และผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
  • พลตำรวจเอก Mok Chito, รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ
  • พลตำรวจเอก Chuon Sovan, รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา และผู้บัญชาการตำรวจนครบาลพนมเปญ

แม้ว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้มีความรับผิดชอบตามกฎหมายที่จะต้องเป็นตัวแทนของรัฐ ไม่ใช่ของพรรคการเมือง และต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างไม่ลำเอียงและเป็นกลาง แต่พวกเขาทุกคนกลับปฏิบัติหน้าที่แบบลำเอียงอย่างเปิดเผยและชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่แต่ละคนเหล่านี้เป็นสมาชิกคณะกรรมการกลางของพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งถือว่าเป็นคณะกรรมการบริหารที่กำหนดนโยบายของพรรค สมาชิกของคณะกรรมการกลางจำเป็นต้องปฏิบัติตามนโยบายทั้งปวงของพรรค ซึ่งถือว่าขัดแย้งกับมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งคุ้มครองสิทธิของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในการดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ในการออกเสียง และในการแสดงความเห็นส่วนบุคคล อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ไม่ควรแสดงความลำเอียงทางการเมืองในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของตน หรือไม่ควรเอื้อเฟื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเป็นการเฉพาะ

เช่นเดียวกับฮุนเซน ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเหล่านี้หลายคน เคยเป็นสมาชิกกลุ่มเขมรแดง ซึ่งในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2518 – มกราคม 2522 มีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของประชาชนชาวกัมพูชาประมาณ 1.2-2.8 ล้านคน

ในวันที่ 12 มิถุนายน ผู้บังคับบัญชาอันดับที่ 13 ของหน่วยงานความมั่นคง พลเอก Hing Bun Hieng ถูกทางการสหรัฐฯ คว่ำบาตรโดยมีการยึดทรัพย์สินของเขา และห้ามไม่ให้เดินทางเข้าประเทศ ส่วนนายพลระดับสี่ดาว พลเอก Bun Hieng เป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารที่รักษาความปลอดภัยให้กับฮุนเซนมาเป็นเวลานาน โดยเป็นหน่วยทหารของกองทัพบก ซึ่งทางกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ระบุว่า “มีส่วนร่วมในการโจมตีทำร้ายหลายครั้งต่อชาวกัมพูชาที่ไม่มีอาวุธในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” และ “มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ทหารได้ถูกสั่งการ ให้ข่มขู่ผู้ชุมนุมและพรรคฝ่ายค้าน ย้อนหลังกลับไปอย่างน้อยในปี 2540 รวมทั้งในเหตุการณ์ที่พลเรือนสหรัฐฯ บาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด” เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางและเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2540 มีการยิงระเบิดโจมตีระหว่างการรณรงค์หาเสียงของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งนำโดยนายสม รังสี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 16 คน และบาดเจ็บกว่า 150 คน

“การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อหนึ่งในนายพลระดับสูงที่สนับสนุนและมีความใกล้ชิดอย่างมากกับฮุนเซน โดยเป็นผลมาจากการปฏิบัติมิชอบที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ และการโจมตีด้วยระเบิดต่อพรรคฝ่ายค้านเมื่อสองทศวรรษที่แล้ว ควรเป็นสัญญาณเตือนต่อเจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชาคนอื่น ๆ” อดัมส์กล่าว “ฮุนเซนจะไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้ตลอดกาล หากยังคงปฏิบัติการอย่างโหดร้ายต่อประชาชนชาวกัมพูชา”

ฮุนเซนดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาตั้งแต่ปี 2528 นับแต่ปี 2558 เขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งครองอำนาจเป็นรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2522 ภายหลังการลงจากอำนาจของโรเบิร์ด มูกาเบแห่งซิมบับเว ฮุนเซนได้กลายเป็นหนึ่งในห้าของผู้นำเผด็จการที่ครองอำนาจยาวนานสุดในโลก ในการกล่าวต่อสาธารณะ เขามักใช้สรรพนามบุรุษที่สามเมื่อเอ่ยถึงตนเอง และยังได้สร้างลัทธิบูชาตัวบุคคลให้กับตนเอง โดยมีการตั้งชื่อโรงเรียนหลายร้อยแห่งตามชื่อของเขาเอง (เป็นโรงเรียนที่สร้างขึ้นจากเงินบริจาค) ชื่ออย่างเป็นทางการของเขาในภาษากัมพูชาคือ “สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน” ซึ่งมีความหมายว่า “ผู้บัญชาการที่มีสถานะยิ่งใหญ่ของกองทัพที่ประสบแต่ชัยชนะ” เขายังเรียกตัวเองว่า “นายพลระดับห้าดาวทองตลอดกาล”

“ไม่มีเผด็จการคนใดขึ้นสู่อำนาจและอยู่ในอำนาจได้โดยปราศจากความสนับสนุนของบุคคลที่โหดร้าย” อดัมส์กล่าว “เบื้องหลังฮุนเซนคือกลุ่มของนายพลซึ่งปฏิบัติมิชอบและข่มขู่ชาวกัมพูชา พวกเขาแสดงความเหยียดหยามต่อความเป็นพหุนิยมและประชาธิปไตย แบบที่ฮุนเซนแสดงให้เห็นตลอดช่วง 33 ปีในการครองอำนาจของเขา เช่นเดียวกับเจ้านายของพวกเขา ผู้บังคับบัญชาเหล่านี้ต้องถูกประณาม และต้องเข้ารับการไต่สวนเนื่องจากอาชญากรรมจำนวนมากของพวกเขา” 

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.
Region / Country