Skip to main content

ประเทศไทย: ถอนฟ้องคดีกำมะลอต่อนักวิชาการในงานไทยศึกษา

ผู้จัดงานประชุม ผู้เข้าร่วมการประชุม ถูกกล่าวหาว่าละเมิดคำสั่งห้ามชุมนุมสาธารณะ

ศาสตราจารย์ชยันต์ วรรธนะภูติ © 2017 Private

(นิวยอร์ก) – ทางการไทยควรถอนฟ้องคดีโดยทันที ต่อนักวิชาการอาวุโสและผู้เข้าร่วมการประชุมอีกสี่คน ในข้อหาละเมิดคำสั่งห้ามชุมนุมสาธารณะของรัฐบาลทหารในที่ประชุมที่เชียงใหม่ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ การประชุมนานาชาติงานไทยศึกษาประกอบด้วยการอภิปรายและกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาลทหารเห็นว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ระบอบปกครองของทหาร

ศาสตราจารย์ชยันต์ วรรธนะภูติ ซึ่งอาจได้รับโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหากศาลตัดสินว่ามีความผิด มีกำหนดเข้ารายงานตัวกับตำรวจที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 23 สิงหาคม ส่วนผู้เข้าร่วมประชุมอีกสี่คน ได้แก่ ภัควดี วีระภาสพงษ์ ชัยพงษ์ สำเนียง นลธวัช มะชัย และธีรมล บัวงาม ถูกแจ้งข้อหาเดียวกันเนื่องจากการถือป้ายที่บอกว่า “เวทีวิชาการ ไม่ใช่ค่ายทหาร” เพื่อประท้วงกรณีที่กองทัพส่งเจ้าหน้าที่มาสอดแนมข้อมูลของผู้เข้าร่วมการประชุม ระหว่างการประชุมเมื่อวันที่ 15-18 กรกฎาคม ทั้งหมดยังไม่ได้ถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด

“การเซ็นเซอร์ของรัฐบาลและการสอดแนมข้อมูลของกองทัพ ไม่ควรปรากฏขึ้นในที่ประชุมวิชาการ” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “การดำเนินคดีต่อผู้จัดการประชุมและผู้เข้าร่วม แสดงให้โลกเห็นว่ารัฐบาลทหารไทยดูถูกอย่างยิ่งต่อเสรีภาพทางวิชาการและเสรีภาพด้านอื่น ๆ”

นับแต่ยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เน้นย้ำว่า การแสดงความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางสังคม ทางการมักใช้กำลังเพื่อสั่งให้ยกเลิกการประชุมตามหมู่บ้าน การอภิปรายทางวิชาการ การสัมมนาในประเด็นต่าง ๆ และเวทีสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมือง โดยเฉพาะเมื่อเป็นการแสดงความเห็นต่างต่อนโยบายของคสช. หรือต่อสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย

บ่อยครั้งที่ทางคสช.ใช้อำนาจตามคำสั่งห้ามชุมนุมสาธารณะของบุคคลกว่าห้าคนและคำสั่งอื่น ๆ เพื่อเข้าแทรกแซงและปราบปราม โดยเป็นคำสั่งที่ห้ามไม่ให้สาธารณะวิพากษ์วิจารณ์ต่อระบอบปกครองของทหารไม่ว่าแง่มุมใด รัฐบาลทหารมองว่าบุคคลที่มักออกมาแสดงความคิดและความเห็นต่าง หรือแสดงความสนับสนุนต่อรัฐบาลพลเรือนที่ถูกขับไล่ออกจากอำนาจ ว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ และมักใช้อำนาจตามกฎหมายต่าง ๆ เพื่อจับกุมและดำเนินคดีต่อบุคคลเหล่านั้น

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นักกิจกรรม นักการเมือง ผู้สื่อข่าว และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนหลายพันคน ได้ถูกจับกุมและนำตัวเข้าไปในค่ายทหารทั่วประเทศไทย เพื่อทำการสอบสวนในฐานะปรปักษ์กับรัฐ โดยมีเป้าหมายเพื่อขัดขวางไม่ให้มีการแสดงความเห็นต่าง และเป็นการบังคับให้บุคคลเหล่านั้นเปลี่ยนทัศนคติทางการเมือง หลายกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ทางภาคเหนือของไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

บุคคลที่ได้รับการปล่อยตัวจากการสอบสวน ซึ่งทางคสช.เรียกว่า “การปรับทัศนคติ” มักถูกบังคับให้ต้องลงชื่อในสัญญาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ระบุว่าจะยุติการแสดงความเห็นทางการเมืองใด ๆ ไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมือง หรือไม่ดำเนินการใด ๆ อันเป็นการต่อต้านระบอบปกครองของทหาร หากไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเหล่านี้อาจส่งผลให้ถูกควบคุมตัวอีกครั้ง หรือถูกดำเนินคดีในข้อหาละเมิดคำสั่งคสช. ซึ่งอาจมีโทษจำคุกไม่เกินสองปี

กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) ซึ่งไทยเป็นรัฐภาคี คุ้มครองสิทธิของบุคคลที่จะมีเสรีภาพด้านความเห็น การแสดงออก การสมาคม และการชุมนุม ทางคณะกรรมการแห่งสหประชาชาติซึ่งดูแลการปฏิบัติตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (International Covenant on Economic, Social and Cultural Rights) ซึ่งไทยให้สัตยาบันรับรองเช่นกัน ได้เคยเสนอแนะต่อรัฐบาลว่า เสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของสิทธิด้านการศึกษา ครอบคลุมถึง “เสรีภาพของบุคคลที่จะแสดงความเห็นอย่างเสรี เกี่ยวกับสถาบันหรือระบบที่ตนทำงานอยู่ด้วย รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือความหวาดกลัวต่อการปราบปรามจากรัฐหรือหน่วยงานอื่นใด ความสามารถที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์กรทางวิชาการหรือหน่วยงานด้านวิชาชีพอื่นใด และการได้รับความคุ้มครองต่อสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เช่นเดียวกับบุคคลอื่นที่อยู่ในเขตอำนาจศาลเดียวกัน”

“นักวิชาการทั่วโลกควรร่วมกันเรียกร้องให้มีการถอนฟ้องข้อหาที่กุขึ้นมานี้ต่อศาสตราจารย์ชยันต์ และผู้เข้าร่วมการประชุมอีกสี่คนโดยทันที” อดัมส์กล่าว “ประเทศไทยกำลังเผชิญอนาคตที่มืดมน หากมีการเซ็นเซอร์การแสดงความเห็น มีการลงโทษต่อการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงวิชาการ และมีการสั่งห้ามการอภิปรายทางการเมืองแม้แต่ในเขตมหาวิทยาลัย” 

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.