Skip to main content

ประเทศไทย: ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาถูกบังคับส่งกลับ

นักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายค้านเสี่ยงจะถูกดำเนินคดีอย่างฉ้อฉลในกัมพูชา

Detainees stand behind cell bars at the police immigration detention center in Bangkok, Thailand, January 21, 2019. © 2019 Sakchai Lalit/AP Photo

(กรุงเทพฯ) – ทางการ ไทย บังคับส่งกลับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายค้านชาวกัมพูชาหกคน พร้อมกับเด็กเล็กอีกหนึ่งคนเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 ทำให้พวกเขาเสี่ยงต้องเข้ารับการพิจารณาที่ไม่เป็นธรรมและการปฏิบัติมิชอบใน กัมพูชา ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ ทางการกัมพูชาควรดำเนินการทันทีเพื่อยกเลิกข้อหาที่มีแรงจูงใจทางการเมืองต่อผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่ลี้ภัยเหล่านี้ และปล่อยให้เขาเป็นอิสระอย่างไม่มีเงื่อนไข 

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยที่จังหวัดปทุมธานีจับกุมบุคคลเจ็ดคน รวมทั้งหลานชายอายุห้าขวบของนักเคลื่อนไหวคนหนึ่ง ทางการกล่าวหาว่า พวกเขาพำนักอาศัยในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และได้บังคับส่งกลับพวกเขาไปกัมพูชาในวันต่อมา ทางการกัมพูชาจึงได้ควบคุมตัว เปน ชาน ซังกราม (Pen Chan Sangkream) ฮง อัน (Hong An) มีน จันทอน (Mean Chanthon) ยิน จันทาว (Yin Chanthou) ซุน คุนเทือ (Soeung Khunthea) และ วอน จันรัชนา (Vorn Chanratchana) ในเรือนจำสามแห่ง ตามหมายจับที่ออกโดยศาลแขวงกรุงพนมเปญ ส่วนเด็กชายอายุห้าขวบได้รับการปล่อยตัวให้ไปอยู่กับญาติหลังกลับไปกัมพูชา

“เจ้าหน้าที่ไทยใช้ข้อหาตามกฎหมายคนเข้าเมืองเป็นเหตุผลอย่างรวบรัด เพื่อเนรเทศผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาเหล่านี้ออกไป โดยไม่ได้รับการตรวจสอบจากศาล และเป็นการเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิงต่อหลักการคุ้มครองผู้ลี้ภัยขั้นพื้นฐาน” อีเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “ทางการไทยไม่ควรร่วมมือกับปฏิบัติการของรัฐบาลกัมพูชาที่มุ่งประหัตประหารข้ามชาติต่อนักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน”

ทางการกัมพูชาดำเนินคดีกับผู้ถูกควบคุมตัวห้าจากหกคนในข้อหา “วางแผนก่อการ” ตามมาตรา 453 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ก่อนหน้านี้ทางการได้ดำเนินคดีข้อหาวางแผนก่อการเป็นคดีอาญาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ในช่วงที่รัฐบาลกัมพูชาสลาย การประท้วงต่อต้านความตกลงด้านการค้าและความร่วมมือ ระหว่างกัมพูชา ลาว และเวียดนาม 

ในกัมพูชา ฮิวแมนไรท์วอทช์ บันทึกข้อมูล การคุกคามและการพุ่งเป้าโจมตีอย่างเป็นระบบต่อผู้วิจารณ์ที่มาจากกลุ่มการเมืองฝ่ายค้านและภาคประชาสังคม รวมทั้งการข่มขู่และยุยงให้ใช้ความรุนแรง การจับกุมและควบคุมตัวโดยพลการ การพิจารณาที่ไม่เป็นธรรม และการสั่งจำคุกโดยไม่มีเหตุผล สภาพเรือนจำในกัมพูชามีลักษณะที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในกัมพูชา ได้เคยระบุใน รายงานปี 2566 ของเขาว่า “มีอัตราการคุมขังเกินกว่าปรกติประมาณ 300% โดยมีผู้ต้องขังประมาณ 40,000 คน” 

นับแต่มีการสั่งยุบพรรค CNRP เมื่อปี 2560 รัฐบาลกัมพูชาได้ตามคุกคามอดีตสมาชิกพรรค CNRP รวมทั้งผู้ซึ่งลี้ภัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทย โดยมีการดำเนินคดีในข้อหาที่มีแรงจูงใจทางการเมือง 

ในเดือนกุมภาพันธ์ ตำรวจไทยจับกุมนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านสามคนในกรุงเทพฯ ก่อนการมาเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ซึ่งได้ แสดงความขอบคุณ ต่อนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ในขณะนั้น เนื่องจากรัฐบาลไทยแสดงพันธกิจที่จะไม่อนุญาตให้บุคคล “ดำเนินการที่เป็นอันตราย” ต่อประเทศเพื่อนบ้าน ในเดือนเดียวกันนั้น ทางการไทยได้ควบคุมตัวอดีตสมาชิกพรรคแสงเทียนสามคน ซึ่งหลบหนีมาที่ประเทศไทยเนื่องจากกลัวการประหัตประหารทางการเมือง

รายงานล่าสุดของฮิวแมนไรท์วอทช์เรื่อง “‘เราคิดว่าเราปลอดภัย’: การปราบปรามและการส่งกลับผู้ลี้ภัยในประเทศไทย” บันทึกข้อมูลการปราบปรามข้ามชาติอย่างเป็นระบบ ซึ่งทางการไทยมีส่วนช่วยเหลือรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านในการดำเนินงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อปราบปรามผู้เห็นต่างและนักเคลื่อนไหวที่แสวงหาความคุ้มครองในประเทศไทย เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ทางการไทยก็สามารถปราบปรามผู้วิจารณ์รัฐบาลไทย ซึ่งลี้ภัยอยู่ในลาว เวียดนาม และกัมพูชาได้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ “ตลาดแลกเปลี่ยน” ผู้ลี้ภัยและผู้เห็นต่าง 

ผู้ลี้ภัยในประเทศไทยต้องเผชิญกับความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องที่จะถูกบังคับส่งกลับ แม้เป็นการละเมิดสิทธิของพวกเขาและกฎหมายระหว่างประเทศ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

นอกจากนั้น พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ของไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ระบุว่า “ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐขับไล่ ส่งกลับ หรือส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า บุคคลนั้นจะไปตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกกระทำทรมาน ถูกกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือถูกกระทำให้สูญหาย”

การเนรเทศผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่ลี้ภัยเหล่านี้ ย่อมทำให้รัฐบาลไทย ละเมิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศของตนเอง ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

“ทางการไทยและกัมพูชายังคงร่วมมือกันปราบปรามผู้วิจารณ์ที่อยู่ระหว่างการลี้ภัย” เพียร์สันกล่าว “นายกรัฐมนตรีใหม่ของประเทศไทยและกัมพูชา ควรแสดงพฤติกรรมที่แตกต่างจากผู้นำก่อนหน้านี้ และประกันว่ารัฐบาลของพวกเขาจะยึดมั่นตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ”

Your tax deductible gift can help stop human rights violations and save lives around the world.