Skip to main content

จุดสิ้นสุดของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของไทย?

ต้องมีการยกเครื่องอย่างเร่งด่วน เพื่อประกันความน่าเชื่อถือและความเป็นอิสระ

โฆเซ แอล คุยเซีย จูเนียร์ ประธานมูลนิธิรามอน แมกไซไซ มอบรางวัลรามอน แมกไซไซประจำปี 2562 ให้กับอังคณา นีละไพจิตรจากประเทศไทย ในพิธีซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2562 © 2019 AP Photo/Aaron Favila
การลาออกของผู้รณรงค์สิทธิมนุษยชนคนสำคัญสองท่านจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ของไทย เป็นสัญญาณเตือนที่น่ากลัวถึงความจำเป็นที่จะต้องยกเครื่องหน่วยงานที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่องและเรื่องอื้อฉาว

อังคณา นีละไพจิตรและเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชน ประกาศลาออกเมื่อวันอังคาร ระบุว่าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นอิสระและเป็นผล เนื่องจากระเบียบที่ควบคุมจำกัด และบรรยากาศภายในที่ทำงานที่เป็นปรปักษ์และไม่เกื้อหนุน ก่อนหน้านี้กรรมการสิทธิฯ อีกสองท่านได้ลาออกไปแล้ว ส่งผลให้คณะกรรมการซึ่งมีอยู่เจ็ดท่านไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากไม่ครบองค์ประชุม  

จากที่เคยเป็นต้นแบบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กสม.ได้ถูกลดอันดับสากลเมื่อปี 2558 โดยกลุ่มพันธมิตรโลกสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เนื่องจากรัฐบาลเข้ามาแทรกแซงกระบวนการสรรหากรรมการ สนับสนุนให้มีแต่กรรมการที่มีจุดยืนทางการเมืองลำเอียงเข้าข้างรัฐบาล สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น เนื่องจากการตราพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 ซึ่งยิ่งทำให้หน่วยงานขาดความเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นเพียงกระบอกเสียงของรัฐบาลโดยปริยาย ตรงข้ามกับหลักการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสถานะของสถาบันแห่งชาติ (หลักการปารีส

อังคณาและเตือนใจพยายามขัดขืนระเบียบที่ควบคุมจำกัดดังกล่าว แต่ต้องเผชิญกับการตอบโต้จากฝ่ายบริหารขององค์กร ในเดือนพฤษภาคม 2562 ประธานกสม.ตอบโต้ด้วยการสั่งให้สอบสวนทางวินัยกับอังคณา และขู่จะถอดถอนเธอ เนื่องจากไปสังเกตการณ์ในกระบวนการยุติธรรม และเก็บข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนของนักการเมืองฝ่ายค้าน และผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ในวันศุกร์ มีการประกาศว่าอังคณาเป็นผู้รับรางวัลรามอน แมกไซไซ ซึ่งถือว่าเป็น “รางวัลโนเบลแห่งเอเชีย” จาก “การทำงานส่งเสริมความยุติธรรม ซึ่งหลายกรณีสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง”

ประเทศไทยจำเป็นต้องมีหน่วยงานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่น่าเชื่อถือ รัฐบาลและทุกพรรคการเมืองในรัฐสภาควรร่วมมือกันแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่เป็นปัญหา ให้มีเนื้อหาสอดคล้องอย่างเต็มที่กับมาตรฐานระหว่างประเทศ กระบวนการสรรหากรรมการควรมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่าง ๆ และโปร่งใสมากกว่ากระบวนการในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้มีการแต่งตั้งกรรมการที่ขาดประสบการณ์และขาดคุณสมบัติ โดยมักเป็นผู้สมัครที่เป็นอดีตข้าราชการ แทนที่จะเป็นผู้รณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชน

หากไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนย่อมไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นอิสระเพื่อต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย 

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.