(กรุงงเทพฯ) – กองทัพรัฐบาลทหารเมียนมา เร่งปฏิบัติการตาม “กลยุทธ์ผลาญภพ” เพื่อโจมตีพื้นที่ของฝ่ายต่อต้าน ท่ามกลางการต่อต้านด้วยอาวุธ และการสูญเสียดินแดนเพิ่มขึ้นในระหว่างปี 2567 ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ ใน รายงานระดับโลกประจำปี 2568 กองทัพได้โจมตีอย่างมิชอบด้วยกฎหมายต่อพลเรือน และโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน รวมทั้งการโจมตีทางอากาศอย่างไม่เลือกเป้าหมาย การสังหาร การข่มขืน การทรมาน และการวางเพลิง ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ในรายงานระดับโลกความยาว 546 หน้า ซึ่งจัดพิมพ์เป็นปีที่ 35 ฮิวแมนไรท์วอทช์ได้ทบทวนการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนในกว่า 100 ประเทศ โดยในพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลก ทีรานา ฮัสซัน ผู้อำนวยการบริหารเขียนใน บทนำรายงาน ว่า รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ปราบปรามและดำเนินการอย่างมิชอบ เพื่อจับกุมและคุมขังฝ่ายต่อต้านทางการเมือง นักกิจกรรม และผู้สื่อข่าว กลุ่มติดอาวุธและกองทัพของรัฐบาลได้สังหารพลเรือนอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย ทำให้คนจำนวนมากต้องหลบหนีจากบ้านเรือนของตนเอง ทั้งยังมีการปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในการเลือกตั้งระดับชาติที่เกิดขึ้นกว่า 70 ครั้งในปี 2567 ผู้นำเผด็จการได้รับเลือกตั้งเข้ามามากขึ้น ด้วยการใช้วาทศิลป์และนโยบายที่เลือกปฏิบัติ
“กองทัพเมียนมาได้ดำเนินงานมากขึ้น เพื่อก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน เพื่อตอบโต้กับการต่อต้านที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลทหาร และกองกำลังของชนกลุ่มน้อย” ไบรโอนี เหลา รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “ความทุกข์ยากของชาวบ้านเพิ่มมากขึ้นจากเจตจำนงของรัฐบาลทหารที่จะปิดกั้นไม่ให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม”
- กองทัพเมียนมาได้เพิ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและปืนใหญ่ โดยมีการทิ้งระเบิดในเขตที่มีประชากรหนาแน่น เพิ่มความเสี่ยงของการโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมาย เมียนมาเป็นหนึ่งในสี่ประเทศที่ยังคงใช้ระเบิดลูกปรายและกับระเบิดซึ่งเป็นอาวุธต้องห้าม
- รัฐบาลทหารยิ่งเพิ่มการปิดกั้นการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบริการโทรคมนาคม โดยถือเป็นการลงโทษแบบกลุ่มอย่างหนึ่ง การปิดกั้นความช่วยเหลือและการพังทลายของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประชาชนหลายล้านคนเสี่ยงที่จะอยู่ในสภาพขาดอาหาร และครึ่งหนึ่งของประชากรอยู่ในสภาพที่ยากจน ประชากรกว่าสามล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นฐานในประเทศ
- หลังมีการประกาศใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หน่วยงานทหารได้บังคับให้เด็กและเยาวชนต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร โดยการลักพาตัวและการควบคุมตัวญาติพี่น้องของพวกเขาเป็นตัวประกัน ทหารเกณฑ์ได้ถูกใช้เป็นโล่มนุษย์ และทำหน้าที่แบกหามอาวุธระหว่างการสู้รบในแนวหน้า
- กองทัพรัฐบาลทหารและกองทัพชาวอาระกันที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ได้ปฏิบัติการสังหารหมู่ วางเพลิง และยังมีการเกณฑ์พลเรือนชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ เพื่อให้เข้ามาเป็นทหารอย่างผิดกฎหมาย
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติควรลงมติให้มีมาตรการห้ามส่งอาวุธระดับโลกให้กับเมียนมา การคว่ำบาตรอย่างมีเป้าหมายต่อผู้นำรัฐบาลทหารและบริษัทที่เป็นของกองทัพ และให้เสนอกรณีของประเทศเมียนมาเข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว เพื่อเพิ่มความสนับสนุนต่อผู้ต้องการความช่วยเหลือ ผู้บริจาคควรส่งความช่วยเหลือผ่านกลุ่มประชาสังคม และหน่วยงานที่ทำงานข้ามพรมแดน สนับสนุนองค์กรอิสระ และอนุญาตให้มีการส่งเงินให้กับกลุ่มต่าง ๆ ที่อยู่นอกเหนือระบบธนาคารอย่างเป็นทางการของเมียนมา