Skip to main content

ประเทศไทย: ยกเลิกข้อหาต่อแกนนำที่เรียกร้องประชาธิปไตย

ทางการเพิกเฉยต่อคำสัญญาของตนเองที่จะรับฟังเสียงที่เห็นต่าง

Arnon Nampha © 2020 Facebook/Arnon Nampha

(นิวยอร์ก) – ทางการไทย ควรยกเลิกข้อหาทั้งหมดโดยทันที และปล่อยตัวแกนนำเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างไม่มีเงื่อนไข หลังพวกเขาถูกควบคุมตัวโดยพลการจากการประท้วงอย่างสงบ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2563 ตำรวจได้จับกุมอานนท์ นำภา บารมี ชัยรัตน์ สุวรรณา ตาลเหล็ก และกรกช แสงเย็นพันธ์ต่างกรรมต่างวาระกัน และตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นและความผิดอื่น ๆ พร้อมกับควบคุมตัวพวกเขาไว้

“คำสัญญาที่รัฐบาลไทยให้อย่างต่อเนื่องว่าจะรับฟังเสียงที่เห็นต่าง กลายเป็นคำสัญญาที่ว่างเปล่า เนื่องจากการปราบปรามแกนนำเรียกร้องประชาธิปไตยยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “ทางการควรแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดและยกเลิกข้อหาโดยทันที และปล่อยตัวอานนท์และแกนนำคนอื่นที่ถูกควบคุมตัว”

ตำรวจจับอานนท์ ทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ด้านนอกศาลอาญากรุงเทพ หลังการว่าความให้กับจำเลยในวันนั้น เขาถูกดำเนินคดีในข้อหายุยงปลุกปั่นซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ข้อหาขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย การละเมิดข้อห้ามต่อการชุมนุมสาธารณะ และข้อหาอาญาอื่น ๆ จากการเข้าร่วมการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ซึ่งเขาได้สวมชุดแฮรีพอตเตอร์ระหว่างการประท้วง และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ให้สอดคล้องกับหลักการรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ในครั้งนั้นตำรวจควบคุมตัวเขาไว้ที่สน.ชนะสงครามที่กรุงเทพฯ

แกนนำอีกสามคนประกอบด้วย บารมีจากสมัชชาคนจนที่กรุงเทพฯ สุวรรณาจากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และกรกชจากกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหายุยงปลุกปั่นและข้อหาอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกับอานนท์ และถูกควบคุมตัวที่สน.สำราญราษฎร์ที่กรุงเทพฯ  

ก่อนหน้านี้ ตำรวจจับอานนท์ ในข้อหาเดียวกันพร้อมกับแกนนำเรียกร้องประชาธิปไตยอีกคนหนึ่งคือภานุพงศ์ จาดนอกในวันที่ 7 สิงหาคม อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ในวันที่ 14 สิงหาคม ตำรวจจับนายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” แกนนำนักศึกษาที่มีชื่อเสียง ในข้อหาเดียวกันด้วย 

แกนนำทั้งหกคนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประชาชน 31 คน ซึ่งตำรวจได้ขอหมายจับ เนื่องจากการพูดปราศรัยในการประท้วงของกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม นับแต่กลุ่มเยาวชนปลดแอกได้จัดการประท้วงอย่างสงบที่ด้านหน้าของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย การปฏิรูปทางการเมือง และการเคารพสิทธิมนุษยชน ส่งผลให้มีเยาวชนคนอื่นเป็นแกนนำประท้วงอีกหลายกลุ่มทั่วประเทศไทย โดยการประท้วงครั้งใหญ่สุดมีขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 20,000 คนเพื่อเรียกร้องให้ยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เคารพเสรีภาพในการแสดงออก และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อจำกัดพระราชอำนาจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 

นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งการให้ตำรวจจับกุมแกนนำ และสัญญาที่จะรับฟังการประท้วงของเยาวชน “นายกฯ ไม่เคยสั่งการให้จัดการกับแกนนำเหล่านี้เลย” พลเอกประยุทธกล่าวในการให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม “ตำรวจเพียงแต่ใช้ดุลพินิจเพื่อทำหน้าที่ตามกฎหมายของตนเอง ในสถานการณ์ตอนนี้ ทุกฝ่ายต้องมีเหตุผลและพร้อมจะรับฟัง [ซึ่งกันและกัน] เราต้องหลีกเลี่ยงการยั่วยุและเผชิญหน้า”

กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights - ICCPR) ซึ่งประเทศไทยให้สัตยาบันรับรองเมื่อปี 2539 คุ้มครองสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ อย่างไรก็ดี ทางการไทยมักใช้อำนาจเซ็นเซอร์ และมีคำสั่งห้ามการอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชน การปฏิรูปทางการเมือง และบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคม ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แกนนำและผู้เห็นต่างหลายร้อยคนถูกฟ้องคดีในข้อหาอาญาร้ายแรง ทั้งข้อหายุยงปลุกปั่น ความผิดทางคอมพิวเตอร์ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อันเป็นผลมาจากการแสดงความเห็นของตนอย่างสงบ 

การปราบปรามของรัฐบาลเข้มข้นยิ่งขึ้นในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีการใช้อำนาจในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 และต่อมาได้ถูกใช้เป็นเหตุผลเพื่อห้ามการประท้วงต่อต้านรัฐบาล และคุกคามแกนนำเรียกร้องประชาธิปไตย 

จำเป็นต้องมีแรงกดดันจากนานาชาติอย่างเร่งด่วน เพื่อให้รัฐบาลไทยยุติการปราบปรามแกนนำที่เรียกร้องประชาธิปไตยและการประท้วงอย่างสงบ และให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวโดยพลการโดยทันที ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

“องค์การสหประชาชาติและรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง ควรแสดงความเห็นอย่างเปิดเผย เพื่อต่อต้านการปราบปรามทางการเมืองอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย” อดัมส์กล่าว “เยาวชนไทยเรียกร้องมากขึ้นให้เกิดความก้าวหน้าอย่างแท้จริงสู่ประชาธิปไตย และให้เกิดหลักนิติธรรม เพื่อให้พวกเขาสามารถแสดงภาพฝันต่ออนาคตของประเทศได้อย่างเสรี”

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.