Skip to main content

ผู้ก่อความไม่สงบสังหารพระภิกษุ

การโจมตีวัดในจังหวัดชายแดนใต้เป็นอาชญากรรมสงคราม

(นิวยอร์ก) – กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเพื่อแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนใต้ของไทย สังหารพระภิกษุสองรูป ในการโจมตีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อวัด ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ การโจมตีอย่างจงใจต่อพลเรือนและสถานที่เพื่อสักการะบูชา ถือเป็นอาชญากรรมสงคราม

ผู้ก่อความไม่สงบแบ่งแยกดินแดนจังหวัดนราธิวาส บุกโจมตีวัดรัตนานุภาพเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 และสังหารพระภิกษุสองรูป รวมทั้งพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าอาวาส และทำให้ได้รับบาดเจ็บอีกสองรูป © 2018 Private

ในวันที่ 18 มกราคม 2562 เวลาประมาณ 20.30 น. กลุ่มที่คาดว่าจะเป็นผู้ก่อความไม่สงบเชื้อสายมลายู ได้โจมตีวัดรัตนานุภาพ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส สังหารพระภิกษุไปสองรูป และทำให้ได้รับบาดเจ็บอีกสองรูป พยานให้ข้อมูลกับฮิวแมนไรท์วอทช์ว่า เห็นชายติดอาวุธมาที่วัดด้วยมอเตอร์ไซค์ จากนั้นได้กราดยิงเข้ามาในวัดด้วยอาวุธปืนร้ายแรง และยังได้บุกเข้ามาข้างในวัด และจ่อยิงพระภิกษุในระยะเผาขน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมถึงพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ (ชื่อจริง สว่าง เวทมาหะ) เจ้าอาวาสวัด

“การโจมตีที่โหดร้ายต่อพระของผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ของไทย เป็นเรื่องที่ขัดศีลธรรม และเป็นอาชญากรรมสงคราม ต้องมีการนำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษ” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “ไม่มีความชอบธรรมใด ๆ สำหรับการก่อเหตุอย่างจงใจ เพื่อทำร้ายพลเรือนทั้งชาวพุทธและมุสลิมในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา”

การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังรูปแบบการก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดความสะพรึงกลัวใน อ.สุไหงปาดีและพื้นที่อื่น ๆ ในจังหวัดชายแดนใต้ทั้งสี่ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว ทางการไทยได้สั่งการให้พระภิกษุในจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลาอยู่แต่ภายในวัด และให้ยุติการบิณฑบาตตอนเช้าแล้ว 

นับแต่เริ่มเกิดปฏิบัติการก่อความไม่สงบด้วยการใช้อาวุธเมื่อเดือนมกราคม 2547 ผู้ก่อความไม่สงบจากขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (Barisan Revolusi Nasional - BRN) ได้พุ่งเป้าโจมตีวัดและพระ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ของรัฐพุทธไทยต่อดินแดนชาวมุสลิมเชื้อสายมลายู ส่งผลให้ที่ผ่านมามีพระภิกษุ 23 รูปเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บกว่า 20 รูป ผู้ก่อความไม่สงบยังพุ่งเป้าโจมตีเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยซึ่งทำหน้าที่ดูแลพระในระหว่างการเดินทางเข้าออกจากวัดด้วย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

กฎหมายสงคราม หรือที่เรียกอีกชื่อว่า กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ห้ามการโจมตีพลเรือนและวัตถุสิ่งของของพลเรือน รวมทั้งสถานที่สักการะบูชา หรือการโจมตีที่ไม่แยกแยะระหว่างฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการสู้รบกับพลเรือน โดยกฎหมายสงครามไม่กำหนดข้อยกเว้นใด ๆ ที่ทำให้ข้ออ้างของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบชอบธรรม รวมทั้งการระบุว่าการโจมตีพลเรือนของพวกเขาชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป้าหมายเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐพุทธไทย และตามกฎหมายอิสลามที่พวกเขาตีความ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติการโจมตีได้

กฎหมายสงครามยังกำหนดข้อห้ามอย่างชัดเจน ไม่ให้ใช้ยุทธวิธีแบบที่ผู้ก่อความไม่สงบกลุ่มบีอาร์เอ็นมักใช้ รวมทั้งการตอบโต้และการสังหารอย่างรวบรัดต่อพลเรือน และผู้มีส่วนร่วมในการสู้รบที่ถูกจับกุม การทำลายหรือการแยกซากศพ และการโจมตีโดยตรงต่ออาคารบ้านเรือนของพลเรือน ที่ผ่านมาฮิวแมนไรท์วอทช์ประณามอย่างต่อเนื่องต่อการละเมิดกฎหมายสงครามของผู้ก่อความไม่สงบ

แม้จะมีการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ภายใต้ร่มของกลุ่มมาราปาตานี (Majlis Syura Patani) ผู้ก่อความไม่สงบกลุ่มบีอาร์เอ็นยังไม่ได้ยุติการโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน

กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลไทยและหน่วยพลเรือนรักษาดินแดนเอง ก็ได้ละเมิดกฎหมายสงครามและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศหลายครั้ง โดยเป็นการทำร้ายพลเรือนชาวมุสลิมเชื้อสายมลายู และผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่มบีอาร์เอ็น ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว ไม่มีความชอบธรรมใด ๆ ที่จะอ้างว่าสามารถใช้การสังหารนอกกระบวนการกฎหมาย การบังคับบุคคลให้สูญหาย และการซ้อมทรมาน เพื่อเป็นมาตรการตอบโต้ปฏิบัติการก่อความไม่สงบ  

สถานการณ์เลวร้ายลงเนื่องจากวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดที่ฝังรากลึก ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติมิชอบที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนใต้ ที่ผ่านมารัฐบาลไม่สามารถดำเนินคดีเพื่อลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ก่ออาชญากรรมต่อชาวมุสลิมเชื้อสายมลายู ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าก่อความไม่สงบ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนและทนายความต้องเผชิญกับการข่มขู่ คุกคาม และถูกดำเนินคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา หากออกมากล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ไทยมีส่วนรับผิดชอบต่อการปฏิบัติมิชอบ

“ทั้งชาวมุสลิมและชาวพุทธในภาคใต้ของไทย ต่างติดอยู่ในวังวนของการปฏิบัติมิชอบและการตอบโต้ ทั้งของฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบและกองกำลังความมั่นคงของไทย” อดัมส์กล่าว “รัฐบาลไทยต้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของตนที่กระทำการอย่างโหดร้าย รวมทั้งดำเนินคดีกับผู้ก่อความไม่สงบ หากต้องการให้ความรุนแรงที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ยุติลง”

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.