Skip to main content

การไม่ปฏิบัติตามคำสัญญาของประเทศไทยที่จะยุติ ‘การสูญหายของบุคคล’

หากไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับบุคคลให้สูญหาย ผู้เสียหายย่อมไม่ได้รับความเป็นธรรม

วันนี้ 30 สิงหาคม เป็นวันผู้สูญหายสากล (International Day of the Victims of Enforced Disappearances)

พอละจี รักจงเจริญ © 2014 Human Rights Watch / Private

แม้ว่ารัฐบาลไทยจะให้คำสัญญาหลายครั้ง แต่การบังคับบุคคลให้สูญหาย หรือการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐควบคุมตัวบุคคลเอาไว้แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ ยังไม่ถือเป็นความผิดทางอาญาในประเทศไทย บุคคลที่ถูกอุ้มหาย รวมทั้งครอบครัว ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม

นับแต่ปี 2523 คณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการบังคับบุคคลให้สูญหายหรือการสูญหายโดยไม่สมัครใจ ได้บันทึกข้อมูลการบังคับบุคคลให้สูญหาย 82 กรณีในประเทศไทย รวมทั้งการหายตัวไปของสมชาย นีละไพจิตร ทนายความชาวมุสลิมคนสำคัญเมื่อเดือนมีนาคม 2547 และพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักกิจกรรมชาวกะเหรี่ยงเมื่อเดือนเมษายน 2557 โดยจำนวนผู้สูญหายที่แท้จริงอาจมากกว่านี้ เนื่องจากครอบครัวผู้สูญหายและพยานอาจจะไม่กล้าพูดหรือร้องเรียน เนื่องจากกลัวถูกตอบโต้

หลายทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลไทยหลายชุดต่างล้มเหลว ไม่สามารถดำเนินการให้มีการสอบสวนอย่างน่าเชื่อถือ เมื่อเกิดข้อกล่าวหาว่ามีการบังคับบุคคลให้สูญหาย กรณีของทนายสมชายเป็นกรณีเดียวที่เข้าสู่การไต่สวนของศาล เนื่องจากประมวลกฎหมายอาญาของไทยไม่กำหนดให้การบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นฐานความผิดทางอาญา ส่งผลให้พนักงานอัยการต้องสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจห้านายที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการอุ้มหายทนายสมชาย ในข้อหาลักทรัพย์และบังคับขืนใจ การไต่สวนคดีที่อยู่บนพื้นฐานการสอบสวนที่มีการปกปิดข้อมูลและบกพร่อง ถึงที่สุดเมื่อเดือนธันวาคม 2558 โดยศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด กระบวนการทั้งหมดถือเป็นการเย้ยหยันความยุติธรรม

ในระหว่างการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนตามวาระ (UPR) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 รัฐบาลไทยสัญญาว่าจะดำเนินการเพื่อให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลสูญหาย ซึ่งประเทศไทยได้ลงนามเมื่อปี 2555 และจะออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องและจำเป็น

แม้จะมีคำสัญญาเหล่านี้ แต่รัฐบาลไทยยังคงดำเนินการในลักษณะที่เอื้อให้เกิดเงื่อนไขที่นำไปสู่การบังคับบุคคลให้สูญหาย เช่น การให้อำนาจหน่วยงานสอบสวนด้านยาเสพติดสามารถควบคุมตัวบุคคลอย่างเป็นความลับ การให้อำนาจกองทัพในการควบคุมตัวผู้เห็นต่างทางการเมืองอย่างเป็นความลับ รวมทั้งการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง และการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยว่าก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้

เราเริ่มหมดความหวังเมื่อรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ส่งร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ...กลับไปให้คณะผู้ร่างพิจารณาทบทวนใหม่ โดยไม่กำหนดกรอบเวลาในการทบทวน ในขณะที่การดำเนินงานเพื่อให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญายังไม่บรรลุผล

ในเวลาเดียวกัน คณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ที่มีการกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง เป็นเพียงหน่วยราชการที่มีอำนาจหรือเจตจำนงทางการเมืองไม่มากนักในการพิจารณาการกระทำที่ร้ายแรง ไม่อาจถือได้ว่าเป็นกลไกที่จะสามารถทดแทนกฎหมายนี้ได้อย่างเพียงพอ

รัฐบาลไทยไม่สามารถให้ข้อแก้ตัวใด ๆ ต่อการล้มเหลวไม่ปฏิบัติตามคำสัญญา ครอบครัวของ ‘ผู้สูญหาย’ ในประเทศไทยต้องการรู้ว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่ เพื่อหาทางยุติการปฏิบัติที่โหดร้าย และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ 

 

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.