Skip to main content

ประเทศไทย: กองทัพบกได้ควบคุมตัวเยาวชนอายุ 14 ปีแบบลับ

เด็กผู้ชายและเยาวชนชายอีกสามคนถูกกล่าวหาว่าเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ


(นิวยอร์ก) – ทางการไทยควรยุติการควบคุมตัวเด็กผู้ชายอายุ 14 ปี และบุคคลอื่นอีกสามคน ในค่ายทหารโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกโดยทันที พวกเขาถูกกล่าวหาว่า “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ เด็กชายอภิสิทธิ์ ชัยลี อายุ 14 ปี ถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2560 โดยไม่มีหลักประกันที่เป็นผล เพื่อป้องกันการปฏิบัติมิชอบหรือการปฏิบัติที่โหดร้ายต่อเขา

เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจของไทยจับกุมเด็กชายอภิสิทธิ์ และเยาวชนอีกสามคน ได้แก่ นายจิรายุทธ สินโพธิ์ อายุ 19 ปี นายอัครพงษ์ อายุคง อายุ 19 ปี และนายรัฐธรรมนูญ ศรีหาบุตร อายุ 20 ปี อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ซึ่งถูกกล่าวหาว่าจุดไฟเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ร 9 จากนั้นทหารได้ส่งตัวพวกเขาไปยังที่ควบคุมตัวในมณฑลทหารบกที่ 11 ที่กรุงเทพฯ เพื่อสอบปากคำ ทั้งนี้โดยไม่ให้ติดต่อกับทนายความหรือครอบครัว

“การควบคุมตัวเด็กผู้ชายวัย 14 ปีแบบลับในค่ายทหารของไทย ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ร้ายแรง โดยเมื่อคำนึงว่าแม้ที่ผ่านมามีรายงานการปฏิบัติมิชอบของทหาร แต่ไม่มีปรับปรุงแก้ไขสถานการณ์แต่อย่างใด" แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “เยาวชนทั้งสี่คนที่ถูกจับกุมไม่ควรถูกปฏิเสธสิทธิที่จะได้รับการนำตัวไปขึ้นศาล และไม่ควรถูกควบคุมตัวในค่ายทหารโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก ไม่ว่าพวกเขาจะถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาใดก็ตาม”

เยาวชนทั้งสี่คนที่ถูกจับกุมไม่ควรถูกปฏิเสธสิทธิที่จะได้รับการนำตัวไปขึ้นศาล และไม่ควรถูกควบคุมตัวในค่ายทหารโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก ไม่ว่าพวกเขาจะถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาใดก็ตาม
แบรด อดัมส์

ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย




ตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นความผิดร้ายแรงต่อความมั่นคงแห่งชาติในประเทศไทย โดยอาจได้รับโทษจำคุก 3-15 ปี นายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชากำหนดให้การดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลของเขา นับแต่รัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 รัฐบาลจับกุมบุคคลอย่างน้อย 105 คนในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีบางส่วนที่ศาลตัดสินแล้วว่ามีความผิดและได้รับโทษจำคุกเป็นเวลาหลายปีหรือหลายทศวรรษ ในเดือนกันยายน 2559 พลเอกประยุทธ์ได้ยกเลิกคำสั่งสามฉบับของรัฐบาลทหารที่ให้อำนาจศาลทหารในการไต่สวนคดีต่อพลเรือนสำหรับความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง รวมทั้งความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

คำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีผลให้หน่วยงานทหารมีอำนาจในการ ควบคุมตัวบุคคลแบบลับเป็นเวลาไม่เกินเจ็ดวัน โดยไม่มีข้อหาและสามารถสอบปากคำพวกเขาโดยไม่อนุญาตให้เข้าถึงทนายความ หรือไม่มีหลักประกันเพื่อป้องกันการปฏิบัติที่โหดร้าย อย่างไรก็ดี กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights - ICCPR) ระบุถึงในเรื่องนี้ว่า บุคคลใดที่ถูกจับกุมหรือควบคุมตัวในข้อหาอาญา ต้องได้รับการนำตัวไปขึ้นศาลโดยพลัน และต้องได้รับการพิจารณาภายในระยะเวลาอันเหมาะสม หรือให้ปล่อยตัวไป

กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กำหนดความคุ้มครองเป็นพิเศษสำหรับบุคคลทุกคนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child - CRC) ระบุว่า ไม่ว่าในพฤติการณ์ใด การจับกุม ควบคุมตัว หรือคุมขังเด็ก ให้กระทำเป็นมาตรการขั้นสุดท้าย และให้ทำในระยะเวลาที่สั้นสุดตามความเหมาะสม คณะกรรมการว่าด้วยสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติได้แสดงข้อกังวลหลายครั้งเกี่ยวกับการควบคุมตัวเด็ก ซึ่งถูกมองว่าเป็น “ภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ” เด็กที่ถูกดำเนินคดีอาญาต้องได้รับการปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยความยุติธรรมสำหรับเด็ก ซึ่งเน้นการใช้วิธีการแบบอื่นแทนการควบคุมตัว และให้ความสำคัญกับการบำบัดฟื้นฟูและการปรับตัวของเด็กเมื่อเข้าไปอยู่ในสังคมอีกครั้ง

“รัฐบาลไทยควรทำให้เราคลายความกังวลที่จริงจังต่อความปลอดภัยของเด็กชายอภิสิทธิ์ โดยให้ปล่อยตัวเขาไปพบกับครอบครัวโดยทันที ให้เขาสามารถเข้าถึงทนายความ และเอาตัวเขาออกจากที่คุมขังของทหาร” อดัมส์กล่าว “สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติและรัฐบาลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ควรกดดันพลเอกประยุทธ์ เพื่อให้ยุติการควบคุมตัวแบบลับทั้งปวงโดยทันที และดำเนินการให้เกิดความรับผิดอย่างเต็มที่ต่อการปฏิบัติที่เกิดขึ้นกับผู้ถูกควบคุมตัวของทหาร”

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.
Region / Country