Skip to main content

ประเทศไทย: รัฐบาลทหารนำความผิดทางอาญามาใช้อย่างมิชอบ

ถอนฟ้องคดีต่อผู้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ผ่านเฟซบุ๊กคนสำคัญ

(นิวยอร์ก) – รัฐบาลทหารไทยพุ่งเป้าโจมตีผู้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างสงบจำนวนมาก โดยมีการฟ้องคดีก่อนจะถึงโอกาสครบรอบสามปีของรัฐประหาร ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการแจ้งความดำเนินคดีต่อนายวีระ สมความคิด อายุ 59 ปี นักกิจกรรมต่อต้านคอรัปชันคนสำคัญ โดยกล่าวหาว่าเขาล้อเลียนนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านเฟซบุ๊ก

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มักคุกคามและดำเนินคดีกับผู้วิพากษ์วิจารณ์อย่างสงบ รวมทั้งผู้แสดงความเห็นที่ตลกขบขันเกี่ยวกับรัฐบาลทหาร นับแต่ยึดอำนาจในตอนทำรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

วีระ สมความคิด นักกิจกรรมต่อต้านคอรัปชั่นคนสำคัญได้ถูกตั้งข้อหาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เนื่องจากการเขียนล้อเลียนนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาของไทยผ่านเฟซบุ๊ก ©2017 Private

“รัฐบาลทหารไม่ยอมอดทนรับฟังแม้แต่การล้อเลียนผ่านเฟซบุ๊ก โดยอดไม่ได้ที่จะต้องจับคนขังคุก” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “ความไม่อดทนรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองและความเห็นที่ตรงข้าม เป็นแบบแผนขั้นต้นของระบอบปกครองเผด็จการ ไม่ใช่การเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย”  

มีการออกหมายจับนายวีระเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2560 ตามความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อเดือนธันวาคม ข้อกล่าวหาต่อเขาเป็นผลมาจากการทำแบบสอบถามเชิงล้อเลียนผ่านเฟซบุ๊กของเขา โดยการตั้งคำถามว่า มีคำสัญญาข้อใดบ้างในเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ของรัฐบาลทหารที่แต่งโดยพลเอกประยุทธ์ ได้มีการปฏิบัติตามที่สัญญาไว้ ผู้เข้าร่วมแบบสอบถาม 123 คน ส่วนใหญ่ตอบว่า “ไม่มี” คำสัญญาข้อใดของรัฐบาลทหารที่รับการปฏิบัติตาม

ในเวลาต่อมากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี (ปอท.) กล่าวหาว่านายวีระชี้นำสาธารณะด้วยการรายงานข้อมูลเท็จเกี่ยวกับความนิยมของรัฐบาลทหาร นายวีระกล่าวว่า แบบสอบถามของเขาเป็นการตอบโต้กับการสำรวจความเห็นที่ตีพิมพ์เผยแพร่โดยหน่วยงานสำรวจความเห็นที่สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชาชนจำนวนมากให้ความสนับสนุนนายกรัฐมนตรี

เมื่อเดือนเมษายนที่แล้ว พลเอกประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีกับบุคคลใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล้อเลียนเขาผ่านโซเชียลมีเดีย “ทุเรศ ใครเปิดมาอีกผมจะฟ้องทั้งหมด ใครเอารูปผมไปเต้นอะไรแบบนั้น มันผิดกฎหมาย...ฝ่ายกฎหมายผมเขาดูหมดแล้วนะ เพราะมันเข้าข่ายผิดกฎหมาย”  

ไม่นานหลังจากนั้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2559 ทางการไทยได้จับกุมบุคคลแปดคนได้แก่ น.ส.ณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์ นายหฤษฏ์ มหาทน นายนพเก้า คงสุวรรณ นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรนันท์ นายโยธิน มั่งคั่งสง่า นายธนวรรธน์ บูรณศิริ นายศุภชัย สายบุตร และนายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการจัดทำและเผยแพร่ความเห็นในเฟซบุ๊กล้อเลียนที่ชื่อ “เรารักพลเอกประยุทธ์” พวกเขาถูกตั้งข้อหาขบถล้มล้างการปกครองตามมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญาซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลทหารกรุงเทพ

ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคม 2559 กองทัพได้ควบคุมตัวนักเขียนการ์ตูนคนสำคัญคือนายศักดา แซ่เอียว (หรือนามปากกาว่าเซีย) ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และได้จับเขาเข้ารับการอบรมเพื่อ “ปรับทัศนคติ” หลังจากที่เขาเขียนภาพการ์ตูนล้อเลียนการกล่าวปราศรัยของพลเอกประยุทธ์ที่ประชุมสมัชชาใหญ่ องค์การสหประชาชาติ โดยผู้นำรัฐบาลทหารสัญญาว่าจะคุ้มครองสิทธิมนุษยชน แต่ในความเป็นจริงกลับมีการปราบปรามละเมิดสิทธิเกิดขึ้นทุกวันในประเทศไทย นายศักดายังถูกเตือนว่าอาจถูกดำเนินคดีถ้าเขายังคงวิพากษ์วิจารณ์พลเอกประยุทธ์หรือสมาชิกคนอื่น ๆ ของรัฐบาลทหารต่อไป

กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) ซึ่งประเทศไทยเป็นรัฐภาคี ห้ามการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ เว้นแต่มีกฎหมายบัญญัติไว้ และต้องมีการตีความอย่างเคร่งครัด และนำมาใช้เท่าที่จำเป็นและได้สัดส่วนเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ชอบ กฎหมายซึ่งกำหนดโทษทางอาญากับการแสดงออกอย่างสงบ เป็นข้อกังวลอย่างสำคัญเนื่องจากส่งผลกระทบทำให้เกิดความหวาดกลัวต่อการแสดงความเห็นอย่างเสรี

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นคณะผู้ชำนาญการอิสระที่ดูแลการปฏิบัติตามกติกา ICCPR ได้ระบุในความเห็นทั่วไปเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออกว่า

“เพียงข้อเท็จจริงที่ว่ารูปแบบการแสดงออกมีลักษณะเป็นการดูหมิ่นบุคคลสาธารณะ ไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่จะสนับสนุนให้กำหนดบทลงโทษ...นอกจากนั้น เป็นการชอบแล้วที่บุคคลสาธารณะทั้งปวง รวมทั้งผู้ซึ่งสามารถใช้อำนาจสูงสุดทางการเมือง อย่างเช่น ประมุขแห่งรัฐและรัฐบาล ย่อมต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกต่อต้านทางการเมืองได้ ด้วยเหตุดังกล่าว คณะกรรมการจึงแสดงข้อกังวลเกี่ยวกับกฎหมายในประเด็นนี้ รวมทั้ง....การแสดงความไม่เคารพต่อทางการ....และกฎหมายที่คุ้มครองเกียรติยศของเจ้าพนักงานของรัฐ [รัฐบาล] ประเทศต่าง ๆ ไม่ควรห้ามการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันต่าง ๆ รวมทั้งกองทัพหรือฝ่ายบริหาร”

เมื่อวันที่ 13 และ 14 มีนาคม ไม่นานหลังจากทางการตั้งข้อหาต่อนายวีระ คณะผู้แทนไทยแจ้งต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนระหว่างการทบทวนการปฏิบัติตามพันธกรณีของประเทศตามกติกา ICCPR ว่า รัฐบาลไทยเคารพเสรีภาพในการแสดงออก อย่างไรก็ดี หลักฐานที่เป็นอยู่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลทหารปฏิบัติอย่างเลวร้ายต่อเสรีภาพในการแสดงออก เนื่องจากทางการมักจะคุกคามและดำเนินคดีต่อบุคคลเนื่องจากการพูดแสดงความเห็น การเขียน และการโพสต์ข้อความทางอินเตอร์เน็ตในลักษณะที่วิพากษ์วิจารณ์ต่อรัฐบาล

“รัฐบาลทหารควรยุติการใช้กฎหมายที่ให้อำนาจอย่างกว้างขวางเพื่อปิดปากและลงโทษผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ตน” อดัมส์กล่าว “ผู้ที่เป็นมิตรต่อประเทศไทยไม่เพียงต้องกดดันให้ปล่อยตัวนายวีระ แต่ยังต้องกดดันรัฐบาลให้ยุติการดำเนินคดีต่อบุคคลที่แสดงความเห็นของตนอย่างสงบ”

 

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.