Skip to main content

ประเทศไทย: ลงโทษเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต่อความรุนแรงในภาคใต้

(นิวยอร์ก) – วันนี้ องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยจะต้องลงโทษเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต่อการใช้กำลังอย่างผิดกฎหมายในเหตุการณ์รุนแรงในภาคใต้เมื่อเดือนเมษายน

เมื่อวันอังคาร คณะกรรมการที่รัฐบาลแต่งตั้งได้เสนอรายงานการสอบสวนเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสังหารประชาชน ซึ่งองค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ขอเรียกร้องให้มีการเผยแพร่รายงานดังกล่าวทั้งฉบับต่อสาธารณะ

แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการแผนกเอเชีย ขององค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า “รายงานฉบับนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่จะต้องไม่สิ้นสุดแค่นี้ เพราะยังจะต้องมีการไต่สวนในกระบวนการยุติธรรม เพื่อนำไปสู่การลงโทษทางกฎหมาย และการดำเนินการทางวินัยต่อผู้ที่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์สังหารที่เกิดขึ้น”

รายงานของคณะกรรมการดังกล่าวพบว่า ถึงแม้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจะกระทำการไปเพื่อรักษาความปลอดภัยของสาธารณะ และเพื่อป้องกันตนเอง แต่ระดับของการความรุนแรง และลักษณะของอาวุธที่ใช้เมื่อวันที่ 28 เมษายนในเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะนั้น “น่าจะถือได้ว่าเกินสมควรแก่เหตุ” และ “การใช้วิธีปิดล้อมและตรึงกำลังไว้รอบมัสยิดควบคู่ไปกับการเจรจาเกลี้ยกล่อมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ อาจทำให้มีการยอมจำนนได้ในที่สุด การยุติเหตุการณ์ที่มัสยิดโดยสันติวิธีน่าจะมีความเหมาะสมและอำนวยประโยชน์ให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้มากกว่าวิธีรุนแรง”

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 เมษายน องค์การฮิวแมนไรท์วอชท์ ได้เรียกร้องทันทีให้มีการสอบสวนที่เป็นอิสระในการที่ดูเหมือนว่า การตอบโต้ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจะเกินกว่าเหตุ และอาจจะก่ออันตรายต่อพลเรือน โดยเฉพาะกรณีที่มีการใช้อาวุธหนักที่มัสยิดกรือเซะ

วันนี้ องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ขอเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้มีการสอบสวนที่เป็นอิสระ และโปร่งใสในเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อรักษาความยุติธรรม และป้องกันไม่ให้ผู้ที่กระทำผิดลอยนวล

แบรด อดัมส์ กล่าวว่า “ถ้าหากพบว่า มีการใช้กำลังอย่างผิดกฎหมายแล้ว จะต้องมีการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพียงใดก็ตาม มิฉะนั้นแล้ว ชุมชนมุสลิมจะเกิดความรู้สึกว่า พวกตนได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเป็นพลเมืองชั้นสอง”

เหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 เมษายน ยังคงคลุมเครือ เจ้าหน้าที่อ้างว่า จุดตรวจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และโรงพักในจังหวัดยะลา ปัตตานี และสงขลากลุ่มชาวมุสลิมติดอาวุธไม่ทราบสังกัดบุกเข้าโจมตีพร้อมๆ กันในช่วงใกล้สว่าง ผลการปะทะกันอย่างรุนแรงที่กินเวลานาน 9 ชั่วโมงให้ฝ่ายที่บุกเข้าโจมตีเสียชีวิต 107 คน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเสียชีวิต 5 คน ขณะที่รายงานอย่างไม่เป็นทางการในชั้นต้นระบุว่า อาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 120 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่ถูกจับกุมตัวอีกในวันที่เกิดเหตุอีก 15 คน

รายงานของคณะกรรมการสรุปว่า วัยรุ่นจำนวนมากที่เข้ามาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ถูกชักจูงด้วยความเชื่ออย่างงมงาย และพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ ว่า พวกตนจะไม่ได้รับอันตรายจากกระสุนปืน

แบรด อดัมส์ กล่าวว่า “ถ้าหากไม่มีการเผยแพร่รายงานทั้งฉบับ ก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดความเข้าใจว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากสาเหตุใด? มีใครอยู่เบื้องหลัง? และฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้ตอบโต้ไปอย่างไรบ้าง?”

องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยควรที่จะชดเชยความเสียหายแก่ผู้เสียหายอย่างเหมาะสม แต่ลำพังการชดเชยอย่างเดียวจะไม่สามารถทดแทนการดำเนินคดีอาญา หรือการลงโทษทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้

นอกจากนี้ องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ยังเรียกร้องให้ รัฐบาลไทยยินยอมให้ผู้ที่ถูกคุมขังอยู่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือทางกฎหมาย และสามารถติดต่อกับครอบครัวของตนได้ เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันรับรองความปลอดภัยของบุคคลเหล่านั้น รวมทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจต่อสาธารณะว่า ผู้ที่ถูกคุมขังไม่ได้ถูกทรมาน หรือได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดี

ถึงแม้ การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจะชี้ให้เห็นว่า อย่างน้อยในบางกรณี เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีสิทธิ์ที่จะใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเอง แต่ องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า การปะทะกันแต่ละกรณีจะต้องพิจารณาแยกเป็นรายๆ ไป โดยยึดตามหลักการพื้นฐานของสหประชาชาติว่าด้วยการใช้กำลัง และอาวุธปืน ซึ่งถือว่า ในระหว่างที่กำลังปฏิบัติหน้าที่นั้น เจ้าหน้าที่จะต้องพยายามมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ใช้กำลัง และถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็จะต้องใช้ความอดกลั้น และใช้กำลังรไปในระดับที่เหมาะสมต่อความร้ายแรงของสถานการณ์ โดยให้เกิดความเสียหาย และการบาดเจ็บน้อยที่สุด รวมทั้งยังควรจะต้องคำนึงถึงการรักษาชีวิตมนุษย์

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงในภาคใต้เมื่อเดือนมกราคม นายกรัฐมนตรีทักษิณ ยอมรับว่า จะต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง เพื่อแก้ปัญหาสังคมในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งการริเริ่มโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ซึ่งในเรื่องนี้ องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ขอเรียกร้องให้ รัฐบาลไทยเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเป็นการแสดงเจตนาที่ดีในการแก้ไขปัญหาในภาคใต้

องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ขอแสดงความวิตกต่อ การเสื่อมถอยของสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และการที่รัฐบาลไทยนิยมใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาทางกฎหมาย และปัญหาทางสังคม ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่นายกรัฐมนตรีทักษิณ ประกาศ “สงครามยาเสพติด” ซึ่งสถิติของรัฐบาลไทยระบุว่า มีผู้ที่ถูกสังหารมากกว่า 2000 คนในช่วงที่มีการใช้นโยบายดังกล่าวเมื่อปี 2546 และจนถึงขณะนี้ รัฐบาลไทยยังไม่มีการสอบสวนอย่างจริงจังเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบุคคลเหล่านั้นแต่อย่างใด

Your tax deductible gift can help stop human rights violations and save lives around the world.