Skip to main content

ประเทศไทย: สงครามยาเสพติดบดบังความสำเร&

ในการดำเนินการเกี่ยวกับโรคเอดส์

(นิวยอร์ค) รายงานขององค์การฮิวแมนไรท์ วอชท์ ซึ่งเผยแพร่ก่อนหน้าการประชุมนานาชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 15 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 11-16 กรกฎาคม ระบุว่า “สิทธิมนุษยชน และความสำเร็จของประเทศไทยในการดำเนินการเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามยาเสพติดที่ดำเนินไปอย่างโหดเหี้ยม โดยนอกจากจะทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 คนแล้ว การปราบปรามดังกล่าวยังทำให้ผู้ติดยาเสพติดต้องหลบหนีไปซ่อนตัว และไม่สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีอีกด้วย”

รายงานความยาว 60 หน้า เรื่อง “หลุมฝังศพมีไม่พอ: สงครามยาเสพติด เชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย” เสนอหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ทางการไทยใช้อำนาจเหนือกฎหมายในการสังหาร และจับกุม รวมทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ในช่วงที่มีการทำสงครามยาเสพติด โดยหลักฐานเหล่านั้นประกอบด้วย คำให้การของญาติผู้เสียชีวิต และคำให้การของผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทุบตี บังคับให้สารภาพ และจับกุม

นายโจนาธาน โคเฮน นักวิจัยในโครงการด้านเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ ของ องค์การฮิวแมนไรท์ วอชท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เขียนรายงานเรื่องนี้กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่น่าละอายใจที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ ในขณะที่มีการลงโทษผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ทั้งนี้ ในบรรดามาตรการต่างๆ ที่ได้รับการพิสูจน์ว่า สามารถแก้ไขปัญหาการติดยาเสพติด และเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ได้นั้น ไม่มีการฆาตกรรมรวมอยู่ด้วย”

ถึงแม้ทางการจะระบุว่า ผู้ค้ายาเสพติด คือ เป้าหมายในการทำสงครามยาเสพติด แต่ผู้เสพยาเสพติดที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดกลับถูกลงโทษ และกดดันให้ต้องไปหลบซ่อนตัว จนทำให้พวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึงโครงการแลกเปลี่ยนเข็มฉีดยา และบริการต่างๆ ที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ ผู้เสพยาเสพติดจำนวนมากต้องเผชิญความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี จากการใช้เข็มฉีดยา และหลอดฉีดยาที่ปนเปื้อนร่วมกัน

ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเคยยกย่องบทบาทของประเทศไทยว่า เป็นผู้นำในการดำเนินการเกี่ยวกับโรคเอดส์จากความสำเร็จด้านการรณรงค์เรื่อง “ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์” การรณรงค์ดังกล่าวสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ถึงประมาณ 200,000 ราย ด้วยการแจกถุงยางอนามัย และเอกสารเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ ตามสถานบริการทางเพศ และคลีนิกต่างๆ แต่การทำสงครามยาเสพติดทำให้ความสำเร็จดังกล่าวถดถอยไป

นายโจนาธานกล่าวว่า “นโยบายยาเสพติดทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีต้องแปดเปื้อน และกลายเป็นตัวแบบของการใช้วิธีการที่เลวร้ายที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มผู้เสพยาเสพติด”

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศ “ชัยชนะ” ในสงครามยาเสพติด ซึ่งมีผู้เสียชีวิตด้วยสาเหตุที่ยังไม่มีการอธิบายเกือบ 3,000 คน และยังมีประชาชนอีกหลายพันคนถูกบังคับให้ต้องเข้ารับการบำบัดการติดยาเสพติดที่ใช้การฝึกหนักตามแบบทหาร ซึ่งผลการสำรวจพบว่า มีประชาชนหลายคนที่ไม่ได้เป็นผู้เสพยาเสพติด แต่กลับต้องยอมเข้ารับการบำบัด เพราะกลัวที่จะถูกจับกุม หรือสังหาร ถ้าหากขัดขืน

นายโจนาธานกล่าวว่า “ชัยชนะของประเทศไทยในสงครามยาเสพติดทำให้การสาธารณสุขกลายเป็นเรื่องตลก เพราะผู้เสพยาเสพติดนั้นสมควรที่จะได้รับโอกาสในการเลือกเข้ารับการรักษาพยาบาลด้วยวิธีการที่มีมนุษยธรรมได้โดยสมัครใจ ไม่ใช่ตกเป็นเป้าหมายของการสังหาร หรือจับกุม”

รัฐบาลไทยเริ่มการปราบปรามยาเสพติดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 เพื่อควบคุมการค้ายาบ้า ภายในระยะเวลา 3 เดือน มีผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดถูกสังหารถึง 2,275 คน ผู้ต้องสงสัยจำนวนมากถูกระบุชื่ออยู่ใน “บัญชีดำ” ของรัฐบาล ซึ่งจัดทำขึ้นอย่างลวกๆ และเมื่อบุคคลเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้ไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ปรากฏว่า มีหลายกรณีที่ผู้ต้องสงสัยถูกสังหารภายหลังจากที่กลับจากสถานีตำรวจได้ไม่นาน

ถึงแม้ยาบ้าจะเป็นยาเสพติดประเภทที่แพร่หลายที่สุด แต่จำนวนผู้ที่เสพเฮโรอีนด้วยการใช้เข็มฉีดยาในประเทศไทยนั้นก็มีมากถึงประมาณ 100,000 – 250,000 คน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มผู้เสพเฮโรอีนเพิ่มสูงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ปี 2523 ซึ่งสวนการกับการติดเชื้อเอชไอวีจากสาเหตุอื่นๆ ที่ลดต่ำลง ผู้เสพยาเสพติดมีทางเลือกที่จำกัดในการเข้ารับการบำบัดรักษา และยังถูกข่มเหงรังแกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น การทุบตี การจับกุมโดยปราศจากความผิด การบังคับให้รับสารภาพ นอกจากนี้ รับบาลไทยยังปฏิเสธโครงการแลกเปลี่ยนเข็มฉีดยา ถึงแม้ว่าการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากจะพิสูจน์แล้วว่า โครงการดังกล่าวสามารถลดการแพร่เชื้อเอชไอวีได้โดยที่ไม่เพิ่มปัญหาการใช้ยาเสพติดก็ตาม

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.