Skip to main content

ประเทศไทย: มีความกลัวว่าทนายความสิทธิจะ ‘ถูกทำให้สูญหาย’

นายประเวศ ประภานุกูลหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน

Update: “ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2560 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาลทหารให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า นายประเวศ ประภานุกูลได้ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 เมษายน จากความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขบถล้มล้างการปกครองและความผิดทางคอมพิวเตอร์ บุคคลอื่นอีกห้าคนประกอบด้วยนายดนัย ทิพย์สุภา นายปณีต จิตต์นุกูลศิริ, นายศรันย์ สมันตรัฐ นายวรรณชัย แก้วเสน่ห์ใน และนายชัชวาลย์ นิ่มนวล ถูกจับกุมที่กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ ในวันเดียวกันกับนายประเวศ ทั้งหมดถูกกล่าวหาว่าโพสต์หรือแชร์ความเห็นทางเฟซบุ๊ก ซึ่งทางการเห็นว่าเป็นการหมิ่นพระเกียรติ นายประเวศและบุคคลทั้งห้าถูกควบคุมตัวโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอก และถูกสอบปากคำที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 กรุงเทพฯ เป็นเวลาห้าวัน โดยไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวและทนายความได้ ก่อนจะถูกส่งตัวไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ต่อมาศาลอาญากรุงเทพฯ มีคำสั่งให้ฝากขังบุคคลดังกล่าวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ”


(นิวยอร์ก) – รัฐบาลไทยควรเปิดเผยข้อมูลโดยทันทีเกี่ยวกับที่อยู่ของนายประเวศ ประภานุกูล ทนายความสิทธิมนุษยชนที่มีชื่อเสียง และผู้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ซึ่งหายตัวไปหลังจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงได้บุกตรวจค้นบ้านของเขาที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2560 ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ ทางการยังไม่ออกมายอมรับว่ามีการจับกุมและควบคุมตัวเขา ทำให้เกิดข้อกังวลอย่างร้ายแรงว่าเขาอาจตกเป็นเหยื่อของการบังคับบุคคลให้สูญหาย

นายประเวศ ประภานุกูลหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน © 2012 Private

“รัฐบาลทหารไทยควรเปิดเผยที่อยู่ของนายประเวศโดยทันที และให้ปล่อยตัวเขาหากไม่มีการตั้งข้อหาตามฐานความผิดที่น่าเชื่อถือ” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “การควบคุมตัวแบบลับต่อทนายความสิทธิ ผู้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ และผู้เห็นต่างอื่น ๆ ทำให้เกิดบรรยากาศความหวาดกลัวในประเทศไทย และทำให้เกิดปฏิกิริยาด้านลบจากนานาประเทศ"

เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นรัฐบาลทหาร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากกองร้อยรักษาความสงบที่ 1 (ร.อ.พัน 1รอ.) และตำรวจจากสถานีตำรวจบางเขน ได้บุกตรวจค้นบ้านของนายประเวศในตอนเช้า จากบันทึกการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ระบุว่า มีการยึดคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ แฟลชไดรฟ์ โทรศัพท์มือถือ ซีดีซึ่งมีรายการทางการเมือง และเสื้อยืดที่มีข้อความทางการเมืองหลายตัว อย่างไรก็ดี ไม่มีการประกาศแจ้งอย่างเป็นทางการว่ามีการจับกุมหรือควบคุมตัวนายประเวศแต่อย่างใด

นายประเวศ อายุ 57 ปี เป็นทนายความสิทธิมนุษยชนที่มีชื่อเสียง เขาเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายกับสมาชิกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ “กลุ่มคนเสื้อแดง” ในคดีที่เป็นผลมาจากการปะทะกันทางการเมืองเมื่อปี 2553 เขายังทำหน้าที่ทนายความให้กับน.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ผู้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ซึ่งต่อมาศาลลงโทษฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

การควบคุมตัวแบบลับต่อทนายความสิทธิ ผู้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ และผู้เห็นต่างอื่น ๆ ทำให้เกิดบรรยากาศความหวาดกลัวในประเทศไทย และทำให้เกิดปฏิกิริยาด้านลบจากนานาประเทศ
Brad Adams

ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย

นับแต่รัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 รัฐบาลทหารได้ควบคุมตัวบุคคลหลายร้อยคน รวมทั้งนักการเมือง นักกิจกรรม ผู้สื่อข่าว และผู้ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการประท้วงและกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลทหาร ผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลพลเรือนของอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่ถูกโค่นล้มจากอำนาจ รวมทั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าแสดงความเห็นในเชิงที่ไม่เคารพหรือดูหมิ่นต่อสถาบันกษัตริย์ ตรงข้ามกับข้อกล่าวอ้างของรัฐบาลทหารที่ว่าหน่วยงานของทหารยึดมั่นตามขั้นตอนปฏิบัติของกระบวนการอันควรตามกฎหมายในระหว่างการจับกุมและควบคุมตัวบุคคล ที่ผ่านมาผู้ถูกควบคุมตัวหลายคนให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ความมั่นคงปฏิบัติอย่างมิชอบต่อพวกเขาระหว่างการจับกุม มีการควบคุมตัวพวกเขาโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกในค่ายทหาร และมีการสอบปากคำโดยไม่สามารถเข้าถึงทนายความ

ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/2558 และ 13/2559 หน่วยงานทหารมีอำนาจควบคุมตัวบุคคลแบบลับเป็นเวลาไม่เกินเจ็ดวันโดยไม่มีข้อหา และสามารถสอบปากคำบุคคลโดยไม่สามารถเข้าถึงทนายความหรือไม่มีหลักประกันเพื่อป้องกันการปฏิบัติมิชอบแต่อย่างใด ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารมักบอกปัดข้อกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้ทรมานผู้ถูกควบคุมตัว แต่ก็ไม่สามารถให้หลักฐานใด ๆ เพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

ฮิวแมนไรท์วอทช์ได้แสดงข้อกังวลอย่างจริงจังเสมอมาเกี่ยวกับการควบคุมตัวแบบลับโดยกองทัพในประเทศไทย เพราะทำให้เกิดความเสี่ยงที่บุคคลจะถูกบังคับให้สูญหาย ถูกทรมาน และถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อบุคคลถูกควบคุมตัวโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกในที่ทำการของทหาร

ในจดหมายจากฮิวแมนไรท์วอทช์ถึงรัฐบาลไทยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 เราได้แสดงข้อกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับสภาพการควบคุมตัวในมณฑลทหารบกที่ 11 ซึ่งมักเป็นสถานที่ที่ใช้ควบคุมตัวบุคคลที่เห็นต่างทางการเมือง เราเขียนจดหมายดังกล่าวภายหลังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเสียชีวิตของหมอดูอย่างนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ และพ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภาในระหว่างการควบคุมตัวที่นั่น

ตามกฎหมายระหว่างประเทศ การบังคับบุคคลให้สูญหายหมายถึงการจับกุมหรือควบคุมตัวบุคคลโดยเจ้าพนักงานของรัฐหรือหน่วยงานที่เป็นตัวแทน และต่อมาได้ปฏิเสธไม่ยอมรับว่ามีการควบคุมตัวดังกล่าว หรือไม่เปิดเผยชะตากรรมหรือที่อยู่ของบุคคล การบังคับบุคคลให้สูญหายละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานนานัปการที่ได้รับการคุ้มครองตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) ซึ่งประเทศไทยเป็นรัฐภาคี รวมทั้งข้อห้ามต่อการจับกุมและควบคุมตัวโดยพลการ การทรมานและการปฏิบัติอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และการสังหารนอกกระบวนการกฎหมาย นับแต่ปี 2523 คณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการบังคับบุคคลให้สูญหายหรือการสูญหายโดยไม่สมัครใจ (UN Working Group on Enforced or Involuntary Disappearances) ได้เก็บข้อมูล 82 กรณีการบังคับบุคคลให้สูญหายที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการคลี่คลายกรณีใดจนแล้วเสร็จเลย

ที่ผ่านมาฮิวแมนไรท์วอทช์ได้กระตุ้นรัฐบาลไทยทุกคณะในเรื่องนี้ รวมทั้งเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2560 เราได้มีจดหมายไปถึงนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกร้องให้รัฐบาลให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาต่อต้านการบังคับบุคคลให้สูญหาย (Convention for Protection of All Persons from Enforced Disappearance) และให้แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาเพื่อกำหนดให้การบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นฐานความผิดอาญาอย่างหนึ่ง ฮิวแมนไรท์วอทช์ แม้ว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหารจะให้ความเห็นชอบต่อการให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม แต่ทางสนช.ได้ปฏิเสธที่จะพิจารณาร่างกฎหมายที่จัดทำโดยกระทรวงยุติธรรมเพื่อเอาผิดกับการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย

“คำสัญญาของรัฐบาลทหารไทยที่จะเคารพสิทธิ ที่ให้ไว้กับหน่วยงานสหประชาชาติและหน่วยงานอื่น ๆ ในเวทีระหว่างประเทศ จึงฟังดูว่างเปล่ามากยิ่งขึ้น” อดัมส์กล่าว “รัฐบาลประเทศที่เกี่ยวข้องควรกดดันพลเอกประยุทธ์ให้ยุติการจับกุมโดยพลการ การควบคุมตัวแบบลับ และการบังคับบุคคลให้สูญหาย โดยให้ปล่อยตัวนายประเวศและบุคคลอื่น ๆ ที่ถูกควบคุมตัวโดยมิชอบทั้งหมด” 

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.