Skip to main content

ประเทศไทย: การทำร้ายนักเคลื่อนไหวคนสำคัญซ้ำแล้วซ้ำอีก

สอบสวนการข่มขู่และการใช้ความรุนแรงต่อผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหาร

เอกชัย หงส์กังวาน © 2019 AP Photo/Sakchai Lalit
(นิวยอร์ก) ทางการไทย ควรสอบสวนอย่างเร่งด่วนและไม่ลำเอียง ต่อกรณีการข่มขู่และทำร้ายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยคนสำคัญ และนักเคลื่อนไหวคนอื่น ๆ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้

เมื่อตอนตีหนึ่งของวันที่ 1 เมษายน 2562 คนร้ายไม่ทราบชื่อจุดไฟเผารถยนต์ของเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวคนสำคัญ ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านของเขาในเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่เอกชัยเป็นแกนนำเรียกร้องให้ถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนช่วยเหลือให้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. สามารถสืบทอดอำนาจต่อไปหลังการเลือกตั้งในไทยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ในอีกกรณีหนึ่ง ในตอนค่ำของวันที่ 31 มีนาคม คนร้ายไม่ทราบชื่อสองคนได้บุกเข้ามาทำร้ายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ นักเคลื่อนไหวอีกคนหนึ่ง ในบ้านพักของเขาที่จังหวัดสมุทรปราการ อนุรักษ์เป็นแกนนำการประท้วงร่วมกับเอกชัย และได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการบุกเข้ามาทำร้าย

“บรรยากาศในประเทศไทยดูเหมือนจะเลวร้ายลงสำหรับนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “ทางการไทยต้องสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ และดำเนินการทันทีเพื่อยุติบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวที่เลวร้ายยิ่งขึ้น”

กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา เอกชัยตกเป็นเป้าถูกทำร้ายหลายครั้ง ดูเหมือนจะเป็นการตอบโต้ที่เขาออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผยต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเป็นรัฐบาลทหาร รวมทั้งกรณีต่าง ๆ ดังนี้

  • 19 มกราคม 2561: ฤทธิไกร ชัยวรรณศาสน์ได้ทำร้ายเอกชัยระหว่างอยู่ด้านนอกทำเนียบรัฐบาล เป็นช่วงที่เอกชัยกำลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่ามีการทุจริตของรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรษ ซึ่งครอบครองนาฬิกาหรูหลายเรือน ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเอกชัยไม่ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจจับตัวฤทธิไกรได้ และดำเนินคดีเขาในข้อหาพกพาอาวุธมีดอย่างผิดกฎหมาย และถูกปรับเป็นเงินจำนวน 1,000 บาท
     
  • 23 มกราคม 2561: ฤทธิไกรได้ทำร้ายเอกชัยเป็นครั้งที่สอง โดยต่อยเข้าที่ใบหน้าของเอกชัยใกล้กับบ้านของเอกชัย ช่วงที่เดินทางกลับจากการประท้วงด้านนอกทำเนียบรัฐบาล โดยเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตร ตำรวจดำเนินคดีฤทธิไกรในข้อหาทำร้ายร่างกาย และปรับเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท
     
  • 14 สิงหาคม 2561: ชายไม่ทราบชื่อได้สาดน้ำปลาร้าใส่เอกชัยระหว่างอยู่ที่ป้ายรถเมล์ใกล้กับทำเนียบรัฐบาล ขณะที่เขากำลังเดินทางไปประท้วงเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตร
     
  • 22 สิงหาคม 2561: ชายไม่ทราบชื่อสามคนได้ใช้ไม้กระบองรุมตีเอกชัย ทำให้กระดูกนิ้วของเขาแตกหลายนิ้ว เหตุเกิดใกล้กับบ้านพักของเขาขณะเดินทางกลับจากประท้วงด้านนอกทำเนียบรัฐบาล ตำรวจสามารถจับตัวกำธร ธรรมขันธ์ได้ แต่ยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดอีกสองคน ไม่มีรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีนี้แต่อย่างใด
     
  • 19 มกราคม 2562: คนร้ายสี่คนบุกเข้ามาต่อยและเตะเอกชัยใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากเขาเดินทางกลับจากการประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลไม่เลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก ไม่มีรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีนี้แต่อย่างใด
     
  • 26 มกราคม 2562: คนร้ายหลายคนร่วมกันวางเพลิงรถยนต์ของเอกชัยด้านหน้าบ้านของเขา ไม่มีรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีนี้แต่อย่างใด
     
  • 5 มีนาคม 2562: คนร้ายใช้ไม้กระบองตีเอกชัย ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนและศีรษะ หลังเขาเดินทางไปกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ข้อมูลตามข้อกล่าวหาว่ามีแพทย์ที่สนับสนุนรัฐบาลทหาร ซึ่งใช้ภาษายั่วยุให้เกิดความเกลียดชังและการใช้ความรุนแรง ไม่มีรายงานความคืบหน้าการสอบสวนคดีนี้แต่อย่างใด

การทำร้ายและการที่ตำรวจไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ ทำให้เกิดข้อกังวลมากขึ้นต่อความปลอดภัยของเอกชัย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว เอกชัยได้ร้องเรียนกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม แต่ที่ผ่านมาทางการไทยยังไม่ได้ดำเนินการอย่างเป็นผลเพื่อคุ้มครองเขาจากความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นอีก

ทางการไทยมีพันธกรณีต้องประกันว่า บุคคลผู้ใดที่มีส่วนร่วมในการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน สามารถปฏิบัติหน้าที่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเกื้อหนุนได้ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว แทนที่จะยอมรับบทบาทที่สำคัญของนักเคลื่อนไหวในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ส่งเสริมประชาธิปไตย และเปิดโปงการทุจริต แต่ทางการไทยกลับ ละเมิดสิทธิ พวกเขหลายครั้ง และยังพยายาม ขัดขวางไม่ให้พวกเขาใช้สิทธิที่จะมีอิสรภาพ มีเสรีภาพในการแสดงออกและการสมาคม รัฐบาลทหารไทยยังคง ดำเนินคดีกับผู้วิพากษ์วิจารณ์ ในข้อหายุยงปลุกปั่นและข้อหาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ นับแต่รัฐประหารปี 2557 รัฐบาลทหารได้เรียกตัวนักการเมือง นักเคลื่อนไหว และบุคคลที่ถูกมองว่าต่อต้านระบอบทหารหลายร้อยคน ให้เข้ารับ “การปรับทัศนคติ” เพื่อบังคับให้พวกเขายุติการแสดงความเห็นต่าง

“การเกิดเหตุโจมตีทำร้ายบ่อยครั้ง และการไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ชี้ว่ารัฐบาลไทยแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรืออาจเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านั้น” อดัมส์กล่าว “รัฐบาลควรประณามอย่างเปิดเผยต่อการข่มขู่และการทำร้ายนักเคลื่อนไหวและนักวิจารณ์เหล่านี้ พร้อมกับใช้มาตรการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อประกันให้นักเคลื่อนไหวสามารถใช้สิทธิของตนได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องหวาดกลัวการตอบโต้เอาคืน”

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.