Skip to main content

เกิดการปะทะกันบนท้องถนน รัฐบาลล้มเหลวในการส่งเสริมความยุติธรรม และเสรีภาพในการแสดงออก

เกิดการปะทะกันบนท้องถนน รัฐบาลล้มเหลวในการส่งเสริมความยุติธรรม และเสรีภาพในการแสดงออก

(กรุงเทพฯ) – ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุในรายงานประจำปี 2557 ว่า รัฐบาลของประเทศไทยมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนในปีที่ผ่านมา
แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการแผนกเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า “คำสัญญาของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่จะสร้างความสมานฉันท์ในประเทศ และให้ความยุติธรรมกับเหยื่อของความรุนแรงปี 2553 เป็นสิ่งที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง” “รัฐบาลไม่ได้ส่งเสริมความสมานฉันท์ด้วยการผลักดันการนิรโทษกรรมแบบ ‘เหมาเข่ง’ ให้กับผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงจากทุกฝ่ายนั้น แต่กลับทำให้ความแตกแยกทางการเมืองในประเทศไทยทวีความเข้มข้นรุนแรงมากขึ้น”

ในรายงานประจำปี 2557 ความยาว 667 หน้า ซึ่งเป็นรายงานประจำปีฉบับที่ 24 นั้น ฮิวแมนไรท์วอทช์ตรวจสอบสิทธิมนุษยชนในกว่า 90 ประเทศ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า ถึงแม้จะมีความหวาดวิตกเกิดขึ้น แต่ผู้นำประเทศต่างๆ กลับไม่ได้ดำเนินการใดๆ มากนักเพื่อยุติการสังหารพลเรือนที่เกิดขึ้นในวงกว้างในประเทศซีเรีย หลักการ “ความรับผิดชอบในการคุ้มครอง” ที่ถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่ดูเหมือนจะช่วยป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างโหดร้ายในบางส่วนของอัฟริกา ชนกลุ่มใหญ่ที่กุมอำนาจในประเทศอียิปต์ และประเทศอื่นๆ กดขี่ฝ่ายค้าน และชนกลุ่มน้อย การเปิดโปงโดยเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดนเกี่ยวกับโครงการสอดแนมของประเทศสหรัฐฯสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลก

ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า ความล้มเหลวของรัฐบาลในการเอาผิดกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในอดีตส่งผลให้เกิดความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่ครอบคลุมการกระทำความผิดอย่างกว้างขวาง ทั้งในส่วนของผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ปี 2547 ถึง 2554 ตลอดจนผู้ที่ถูกสอบสวน และดำเนินคดีในข้อหาทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงตั้งแต่หลังการรัฐประหารปี 2549 การชุมนุมประท้วงต่อต้านการนิรโทษกรรมในกรุงเทพฯ และพื้นที่อื่นๆ ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้เข้าร่วมกว่าแสนคน และยังคงดำเนินต่อไปภายหลังจากที่วุฒิสภาปฏิเสธร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนการปะทะกันบนท้องถนนระหว่างผู้ชุมนุมฝ่ายคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะโค่นล้มรัฐบาล กลุ่มผู้สนุบสนุนรัฐบาล และตำรวจ ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน และวันที่ 3 ตุลาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บมากกว่า 200 คน

ผู้สื่อข่าวที่ถูกมองว่าสนับสนุนรัฐบาลตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ผู้ชุมนุมทำร้ายนิค นอสติทช์ ผู้สื่อข่าวชาวต่างชาติ ภายหลังจากที่แกนนำ กปปส. ประกาศบนเวทีว่าเขาสนับสนุนรัฐบาล เมื่อวันที่ 1ธันวาคม นักการเมืองฝ่ายค้านจากพรรคประชาธิปัตย์ นำมวลชนฝ่าย กปปส. นับพันคนไปกดดันสถานนีโทรทัศน์ 6 แห่งให้ถ่ายทอดสัญญาณรายการต่อต้านรัฐบาล

ถึงแม้จำนวนการจับกุม และการดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นสถาบันกษัตริย์จะลดลงนับตั้งแต่ที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2554 แต่ทางการไทยยังคงใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี และดำเนินคดีกับนักวิจารณ์ ผู้ที่ถูกตั้งข้อหาว่ากระทำความผิดฐานหมิ่นสถาบันกษัตริย์มักจะไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และถูกคุมขังในเรือนจำนานหลายเดือนก่อนที่จะมีการไต่สวนในชั้นศาล โดยส่วนใหญ่คำพิพากษาจะเป็นการลงโทษอย่างรุนแรง กองทัพเรือฟ้องหมิ่นประมาททางอาญาต่อผู้สื่อข่าวที่รายงานเกี่ยวกับกรณีเจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือกระทำการทุจริต และใช้อำนาจโดยมิชอบนั้นอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการรายงานข่าวเชิงสืบสวนในประเทศไทย

อดัมส์ กล่าวว่า “การจำกัดเสรีภาพในการพูดจา และการคุกคามสื่อที่เกิดเพิ่มมากขึ้นแสดงให้เห็นว่าเสรีภาพในการแสดงออกในประเทศไทยกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายบางๆ”

กองทัพ และตำรวจยังคงปฏิบัติการอย่างไม่ต้องรับผิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ภายหลังจากที่การก่อความไม่สงบโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนปะทุขึ้นเมื่อปี 2547ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงคนใดถูกดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กลุ่มแบ่งแยกดินแดนใช้การละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยรัฐบาลเป็นปัจจัยในการรับสมาชิกใหม่ และสร้างความชอบธรรมให้กับการก่อการร้ายต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ และพลเรือน ซึ่งส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5,000 คน

ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะให้ที่พักพิงกับผู้แสวงหาการลี้ภัย และผู้ลี้ภัยจำนวนมาก แต่บางครั้งก็มีการละเมิดพันธะตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ห้ามไม่ให้ส่งตัวคนเหล่านั้นไปยังประเทศที่พวกเขาอาจจะถูกประหัตประหาร รัฐบาลไทยถือว่า ชาวโรฮิงญาทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยทางเรือเป็นบุคคลที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และมักจะสกัดกั้นชาวโรฮิงญาเหล่านั้น ชาวโรฮิงญากว่า 2,000 คนถูกคุมขังในสภาพที่เลวร้ายโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ชาวโรฮิงญาที่ต้องการเดินทางไปประเทศมาเลเชียตกเป็นเหยื่อของเครือข่ายค้ามนุษย์ในประเทศไทยที่ดำเนินการโดยไม่ถูกลงโทษดำเนินคดี

อดัมส์ กล่าวว่า “นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์จำเป็นจะต้องแสดงภาวะผู้นำ และเปลี่ยนแปลงแนวนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน” “ยิ่งลักษณ์ควรเร่งดำเนินมาตรการที่จริงจัง และเป็นระบบเพื่อยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชน ยุติการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น และขจัดปัญหาการไม่รับผิด”

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.