Skip to main content

ยุติโทษประหารสำหรับความผิดด้านยาเสพติด

ในขณะที่วันต่อต้านยาเสพติดและการค้ายาเสพติดกำลังจะมาถึงในวันที่ 26 มิถุนายน เครือข่ายต่อต้านโทษประหารแห่งเอเชีย (Anti-Death Penalty Asia Network - ADPAN) ซึ่งมีองค์กรสมาชิกรวมถึงแอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนล ฮิวแมนไรท์ว็อชต์และสมาคมเพื่อการลดอันตรายสากล (International Harm Reduction Association) ขอเรียกร้องรัฐบาลทุกประเทศในเอเชียให้ยุติการใช้โทษประหารต่อความผิดด้านยาเสพติด

เป็นที่ชัดเจนว่า มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในระดับโลกที่จะควบคุมหรือยกเลิกโทษประหาร ประเทศเพียงส่วน้อยเท่านั้นที่ยังคงใช้โทษประหารต่อไป ในปี 2551 มีเพียง 25 ประเทศที่ยังลงโทษประหารอยู่ เครือข่ายต่อต้านโทษประหารแห่งเอเชีย ฮิวแมนไรท์ว็อชต์และสมาคมเพื่อการลดอันตรายสากลคัดค้านการใช้โทษประหารในทุกกรณีเพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน กล่าวคือสิทธิที่จะดำรงชีวิตและสิทธิที่จะปลอดพ้นจากการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี

16 ประเทศในเอเชียยังคงใช้บทลงโทษประหารชีวิตต่อความผิดด้านยาเสพติด เนื่องจากหลายประเทศในภูมิภาคนี้ไม่ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการลงโทษประหารอย่างชัดเจน เราจึงไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่นอนว่า มีการตัดสินลงโทษประหารในคดียาเสพติดมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์และไทย มีรายงานที่ระบุถึงการใช้โทษประหารต่อผู้กระทำผิดในคดียาเสพติดเป็นสัดส่วนที่สูงมาก เครือข่ายต่อต้านโทษประหารแห่งเอเชีย ฮิวแมนไรท์ว็อชต์และสมาคมเพื่อการลดอันตรายสากลแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อกรณีประเทศจีน อินโดนีเซียและเวียดนามที่ยังคงประหารผู้กระทำผิดด้านยาเสพติดต่อไป และในบางประเทศอย่างเช่น จีน นับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา และประเทศอินโดนีเซียในปี 2551 ประเทศทั้งสองได้ใช้โอกาสวันที่ 26 มิถุนายน เพื่อทำการประหารนักโทษ

แม้จะยังมีการประหารนักโทษในเอเชียแต่ก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นถึงการลดลงของการค้ายาเสพติด ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการใช้โทษประหารเพื่อเป็นเครื่องมือข่มขู่หรือปราบปราม ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าโทษประหารเป็นวิธีการที่ใช้ได้ผลมากกว่าการลงโทษแบบอื่นสำหรับความผิดที่ถือว่าร้ายแรงโดยทั่วไป การสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโทษประหารกับความผิดต่อชีวิตขององค์การสหประชาชาติเมื่อปี 2531 และมีการปรับปรุงข้อมูลในปี 2539 และ 2545 สรุปไว้ว่า "...งานวิจัยไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่า การประหารนักโทษจะส่งผลให้ประชาชนกลัวที่จะกระทำผิดมากกว่าการลงโทษด้วยการจำคุกตลอดชีวิต และดูเหมือนเราจะไม่สามารถหาหลักฐานดังกล่าวได้ในอนาคตอันใกล้ หลักฐานเท่าที่มีอยู่ไม่ได้สนับสนุนต่อข้อสมมติฐานว่าโทษประหารทำให้คนกลัวที่จะกระทำผิดเลย"

กลไกสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ อย่างเช่น ผู้รายงานพิเศษสหประชาชาติด้านการสังหารนอกกระบวนการกฎหมาย และการสังหาร/ประหารโดยพลการ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติมีข้อสรุปว่า การใช้โทษประหารกับคดียาเสพติดไม่เหมาะสมในฐานะที่เป็น "อาชญากรรมร้ายแรงสุด" ที่อาจอนุญาตให้มีการใช้โทษประหารได้ในฐานะเป็น "มาตรการที่เป็นข้อยกเว้น" ในกรณีที่ "มีเจตจำนงที่จะสังหารและทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต" (UN Doc, A/HRC/4/20, 29 มกราคม 2550 ย่อหน้า 53) คณะข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติและผู้อำนวยการสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ต่างแสดงข้อกังวลอย่างลึกซึ้งต่อการใช้โทษประหารสำหรับความผิดด้านยาเสพติด

บ่อยครั้งที่การลงโทษประหารเกิดขึ้นจากกระบวนการด้านกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม และทำให้ปัญหาที่ร้ายแรงขึ้น เนื่องจากกฎหมายนโยบายหรือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับความผิดด้านยาเสพติดที่เป็นอยู่ในประเทศเอเชียบางประเทศ ในประเทศบรูไน อินเดีย ลาว สิงคโปร์และมาเลเซีย มีการบังคับใช้โทษประหารสำหรับความผิดด้านยาเสพติดบางประเภท เป็นเหตุให้ผู้พิพากษาไม่สามารถใช้ดุลพินิจอื่นนอกเหนือจากการลงโทษประหารเมื่อพิสูจน์ว่าจำเลยกระทำผิดด้านยาเสพติดได้ การบังคับใช้โทษประหารเป็นการละเมิดมาตรฐานสากลว่าด้วยการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม การลงโทษที่เหมาะสมกับการกระทำผิดของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี และการพรากชีวิตโดยพลการ สิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการประหารชีวิตต่อหัวประชากรสูงสุดแห่งหนึ่งในโลก รวมทั้งมาเลเซียยังคงมีการสั่งลงโทษประหารต่อบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ค้า ภายหลังการไต่สวนที่พบว่ามีความผิดตามคำฟ้อง และเป็นความผิดที่มีโทษประหารเชิงบังคับ

ในบางกรณีมีการนำคำสารภาพที่เกิดจากการบังคับมาใช้ และศาลได้ใช้ข้อมูลเช่นนั้นกำหนดโทษความผิดทั้งที่เป็นการลงโทษประหารและการประหารชีวิต จำเลยหลายคนไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านกฎหมายอย่างเหมาะสม รวมทั้งจำเลยที่ถูกฟ้องในข้อหายาเสพติด เป็นเหตุให้ไม่สามารถแก้ต่างสำหรับตนเองได้ตั้งแต่ช่วงต้นของกระบวนการยุติธรรม

การลงโทษอย่างรุนแรงในความผิดด้านยาเสพติดซึ่งรวมถึงการใช้โทษประหาร ยังส่งผลกระทบต่อโครงการสาธารณสุขที่มุ่งลดอันตรายด้านยาที่จะมีต่อตัวผู้ใช้ยาแต่ละคน บุคคลที่พวกเขารัก ชุมชน และประเทศต่าง ๆ จีน มาเลเซียและเวียดนาม ในช่วงที่ผ่านมาได้ส่งเสริมโครงการลดอันตรายเพื่อลดการติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบซี และอันตรายเนื่องจากยาที่มีต่อสุขภาพและสังคม อย่างไรก็ตาม เป็นที่ประจักษ์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าการลงโทษที่รุนแรงและการบังคับใช้กฎหมายปราบปรามยาเสพติดที่รุนแรง เป็นเหตุผลักดันให้กลุ่มเป้าหมายของโครงการลดอันตรายไม่เข้าถึงบริการดังกล่าว โทษประหารจึงไม่เพียงละเมิดสิทธิที่จะมีชีวิตของผู้ที่ถูกลงโทษ แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อความพยายามลดอันตรายเนื่องจากยา

ในโอกาสวันต่อต้านยาเสพติดขององค์การสหประชาชาติปี 2552 เครือข่ายต่อต้านโทษประหารแห่งเอเชีย ฮิวแมนไรท์ว็อชต์และสมาคมเพื่อการลดอันตรายสากลขอเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ในเอเชียให้

  • กำหนดข้อตกลงชั่วคราวโดยทันทีเพื่อยุติโทษประหาร ทั้งนี้โดยมีเจตจำนงที่จะยกเลิกโทษประหารให้สอดคล้องกับมติของที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติที่ 62/149 และ 63/168 ว่าด้วย "ข้อตกลงชั่วคราวเพื่อยุติการใช้โทษประหาร"
  • ให้เปลี่ยนโทษประหารที่สั่งลงโทษไปแล้วสำหรับคดียาเสพติดเป็นโทษอย่างอื่นแทน
  • ยกเลิกตัวบทของกฎหมายในประเทศซึ่งอนุญาตให้มีการใช้โทษประหารสำหรับความผิดด้านยาเสพติด
  • ยกเลิกการใช้โทษประหารเชิงบังคับ
  • ตีพิมพ์ เผยแพร่ข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับโทษประหารและการบริหารงานด้านยุติธรรมในคดีที่มีการใช้โทษประหาร
  • ใช้โอกาสวันต่อต้านยาเสพติดปี 2552 เพื่อเน้นให้เห็นความสำคัญของนโยบายสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพในการลดอันตรายจากการใช้ยา

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.
Region / Country