Skip to main content

ประเทศไทย: กองทัพบกควบคุมตัวผู้วิจารณ์การออกเสียงประชามติ

ถอนฟ้องข้อหายุยงปลุกปั่นและยุติการปราบปรามก่อนการออกเสียงประชามติวันที่ 7 สิงหาคม

(นิวยอร์ก) – รัฐบาลทหารของไทยควรยุติการดำเนินคดีในข้อหายุยงปลุกปั่นต่อผู้วิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ การออกเสียงประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญจะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม 2559

ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ถูกหน่วยงานทหารจับกุม เธอเป็นหนึ่งในผู้วิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญหลายคนที่ถูกดำเนินคดีในข้อหายุยงปลุกปั่น และถูกควบคุมตัวโดยไม่สามารถเข้าถึงทนายความ © 2016 Matichon Online

ผู้วิพากษ์วิจารณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ถูกควบคุมตัวโดยทหาร ในข้อหาการเมืองเกี่ยวกับการยุยงปลุกปั่นหรือฐานความผิดอย่างอื่น บุคคลเหล่านี้ควรได้รับการปล่อยตัวโดยทันทีและให้ยุติการดำเนินคดีกับพวกเขา

“การใช้กฎหมายยุยงปลุกปั่นที่ให้อำนาจอย่างกว้างขวางต่อรัฐบาลทหารต่อผู้วิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดบรรยากาศความหวาดกลัวก่อนจะถึงการออกเสียงประชามติ” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “การปราบปรามของกองทัพกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันในประเทศไทย และยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อใกล้ถึงวันที่ 7 สิงหาคม”

ในวันที่ 27 กรกฎาคม ที่กรุงเทพฯ หน่วยงานทหารได้จับกุม น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่และอดีตสส.ของพรรคเพื่อไทยที่ถูกโค่นล้มจากอำนาจ โดยถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่จดหมาย ซึ่งคสช.อ้างว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ หรือที่เรียกว่าจดหมายประชามติ หนึ่งวันก่อนหน้านั้น ทหารได้จับกุมน.ส.ธารทิพย์ บูรณุปกรณ์ น้องสาวของทัศนีย์ ที่บ้านในจังหวัดเชียงใหม่ในข้อกล่าวหาเดียวกัน ทัศนีย์และน้องสาวเป็นหนึ่งใน 11 คนที่รัฐบาลทหารกล่าวหาว่าได้กระทำการยุยงปลุกปั่นเนื่องจากจดหมายประชามติ หากศาลทหารตัดสินว่ามีความผิด บุคคลเหล่านี้อาจได้รับโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี

มาตรา 116 ตามประมวลกฎหมายอาญาของไทยกำหนดความผิดฐานยุยงปลุกปั่น ว่าหมายถึงการกระทำทั้งทางวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด โดยมีเจตนา “เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย;… เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน”

ผู้ต้องหาในคดีคนอื่น ๆ ได้แก่ นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ลุงของทัศนีย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายคเชน เจียกขจร นายกเทศมนตรีตำบลช้างเผือก เชียงใหม่ นายวิศรุต คุณะนิติสาร นายอติพงษ์ คำมูล และนายกฤตกร ไพทะยะ เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลช้างเผือก รวมทั้งนางสาวเอมอร ดับโศรก นางสุภาวดี งามเมือง นายเทวรัตน์ อินต้า และนางกอบกาญจน์ สุตีคา

รัฐบาลทหารได้เพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนด้วยความกังวลขององค์การสหประชาชาติและรัฐบาลต่างประเทศ ซึ่งต้องการให้ทางการไทยเคารพสิทธิของประชาชนในการแสดงความเห็นอย่างเสรีต่อร่างรัฐธรรมนูญ คสช.ซึ่งนำโดยนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กำหนดเงื่อนไขของการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีลักษณะปิดกั้นมากขึ้นต่อการอภิปรายอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ นอกจากกฎหมายยุยงปลุกปั่นแล้ว มาตรา 61 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 กำหนดว่า “ผู้ใดดำเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ

โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใด ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง” โดยผู้ฝ่าฝืนอาจได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีและปรับเป็นเงินไม่เกิน 200,000 บาท

การปราบปรามของกองทัพกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันในประเทศไทย และยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อใกล้ถึงวันที่ 7 สิงหาคม.
Brad Adams

ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย

รัฐบาลทหารมองว่าการวิพากษ์วิจารณ์และการแสดงความเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญเป็น “ข้อมูลเท็จ” และคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ ส่งผลให้ผู้ออกเสียงหลายคนได้รับข่าวสารเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญจากแหล่งข่าวเดียวซึ่งมาจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งล้วนแต่แสดงจุดยืนว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้จะให้ประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทย

“การใช้ทั้งข้อหายุยงปลุกปั่นและการควบคุมตัวโดยทหารชี้ว่า รัฐบาลทหารต้องการปกปิดข้อมูลและกดดันผู้ออกเสียงชาวไทย เพื่อให้ยอมรับรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นการสืบทอดอำนาจของทหาร” อดัมส์กล่าว

ตามคำสั่งคสช.ที่ 3/2558 และ 13/2559 ที่ประกาศใช้โดยพลเอกประยุทธ์ รัฐบาลทหารยังคงละเมิดความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้โดยการควบคุมตัวและสอบปากคำผู้เห็นต่างจากรัฐในค่ายทหาร ไม่เปิดโอกาสให้เข้าถึงทนายความหรือไม่มีมาตรการป้องกันการปฏิบัติมิชอบอย่างเป็นผล โดยเป็นการควบคุมตัวไม่เกินเจ็ดวัน ในวันที่ 27 มิถุนายน หน่วยงานทหารได้นำตัวทัศนีย์ ธารทิพย์ คเชน สุภาวดี กอบกาญจน์ อติพงษ์และเอมอรไปควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 กรุงเทพฯ

ตามข้อ 9 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) ซึ่งไทยเป็นรัฐภาคี บุคคลจะต้องไม่ถูกจับกุมหรือควบคุมตัวโดยพลการ นอกจากนั้น รัฐบาลจะต้องไม่ใช้ศาลทหารเพื่อไต่สวนพลเรือน กรณีที่ศาลพลเรือนยังปฏิบัติหน้าที่ได้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ระบุในความเห็นทั่วไปเกี่ยวกับสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมว่า “การไต่สวนพลเรือนในศาลทหารหรือศาลพิเศษ อาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรง ในแง่ของการบริหารงานยุติธรรมอย่างเท่าเทียม อย่างไม่ลำเอียง และอย่างเป็นอิสระ”

ที่ผ่านมาฮิวแมนไรท์วอทช์ได้เรียกร้องรัฐบาลทหารไทยอย่างต่อเนื่อง ให้นำตัวพลเรือนที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 ไปควบคุมตัวในสถานที่ควบคุมตัวพลเรือนอย่างเป็นทางการ อย่างสอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ และเพื่อประกันว่าในอนาคตจะไม่มีการนำตัวบุคคลที่ไม่ใช่ทหารมาควบคุมตัวในสถานที่แห่งนี้ หรือสถานที่ใกล้เคียงอื่น ๆ ฮิวแมนไรท์วอทช์ได้ยื่นจดหมายต่อรัฐบาลไทยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 ระบุถึงข้อกังวลอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับสภาพในมณฑลทหารบกที่ 11 หลังการเสียชีวิตของนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หมอดู และพันตำรวจตรี ปรากรม วารุณประภา ระหว่างถูกควบคุมตัวที่นั่น ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 นายบินลา มูหัมหมัด(Bilal Mohammad) (หรือ อาเดม คาราดัก - Adem Karadag) ร้องเรียนว่า เขาถูกซ้อมทรมานระหว่างการควบคุมตัวในมณฑลทหารบกที่ 11 เพื่อบังคับให้รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุวางระเบิดศาลพระพรมที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนสิงหาคม 2558

“โลกได้เห็นการละเมิดคำสัญญาของรัฐบาลทหารที่จะฟื้นฟูระบอบปกครองที่เป็นประชาธิปไตยและเคารพสิทธิของไทย” อดัมส์กล่าว “การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่เสรีและเป็นธรรม ไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากยังมีการปราบปรามสิทธิของประชาชนที่จะแสดงและแลกเปลี่ยนความเห็นของตนเอง”

GIVING TUESDAY MATCH EXTENDED:

Did you miss Giving Tuesday? Our special 3X match has been EXTENDED through Friday at midnight. Your gift will now go three times further to help HRW investigate violations, expose what's happening on the ground and push for change.
Topic