Skip to main content

ประเทศไทย

กิจกรรมในปี 2567

นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร แถลงข่าวกับกับสื่อมวลชน พร้อมกับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่หลังการประชุมนัดพิเศษที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร วันที่ 7 กันยายน 2567

© 2024 Anusak Laowilas/NurPhoto via AP

ในปี 2567 คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกล ที่เป็นพรรคแนวปฏิรูป และให้ถอดถอนนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ทำลายความพยายามที่ยากลำบากของประเทศไทยที่จะฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย หลังตกอยู่ใต้ระบอบปกครองของทหารมาหลายปี รัฐบาลใหม่ของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร แทบไม่ได้ดำเนินการเพื่อปรับปรุงเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนที่ยังคงเกิดขึ้น แต่รัฐบาลได้ดำเนินการในเชิงบวกอย่างหนึ่งในเดือนกันยายน โดยการประกาศใช้พระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม ทำให้ไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รับรองความสัมพันธ์ของเพศเดียวกัน

การยุบพรรคก้าวไกลและการถอดถอนนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน 

ในวันที่ 7 สิงหาคมศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบ พรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน เนื่องจากรณรงค์ให้มีการปฏิรูปมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยการหมิ่นประมาทกษัตริย์ และยังสั่งตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปีกับคณะกรรมการบริหารพรรค คำวินิจฉัยนี้มีพื้นฐานมาจาก คำวินิจฉัยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 มกราคม ซึ่งระบุว่าการรณรงค์เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายหมิ่นประมาทกษัตริย์ของพรรค และความสนับสนุนต่อขบวนการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เป็นการบ่อนทำลายระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศไทย ในเวลาต่อมา สมาชิกรัฐสภาของพรรคก้าวไกลที่เหลืออยู่ 143 คน ได้รวมตัวกันก่อตั้งพรรคประชาชน

ศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน เศรษฐา เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม เนื่องจากขาดความซื่อสัตย์และละเมิดมาตรฐานด้านจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากการแต่งตั้งรัฐมนตรีซึ่งเคยมีประวัติถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานให้สินบนเจ้าหน้าที่ศาลเมื่อปี 2551 

รัฐบาลใหม่

รัฐบาลใหม่เข้าสู่ตำแหน่งเมื่อเดือนกันยายน นำโดยแพทองธาร ซึ่ง สัญญา ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งในปี 2566 ที่จะให้มีการอภิปรายในรัฐสภา เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมือง และให้ปล่อยตัวหรือประกันตัวนักกิจกรรมฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายต่อต้านที่ถูกควบคุมตัวอยู่ แต่หลังจากได้เป็นนายกรัฐมนตรี เธอ สัญญา ว่า “ทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน ได้กล้าสร้างสรรค์ ได้กล้าที่จะกำหนดอนาคตของตัวเองได้” 

แม้จะมีการให้คำมั่นเช่นนี้ และประเทศไทยได้รับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในวาระปี 2568-2570 แต่รัฐบาลใหม่ไม่ได้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ปัญหาที่ดำรงอยู่ภายหลังการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนตามวาระ รัฐสภา ให้ความเห็นชอบ ความตกลงความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปในเดือนสิงหาคม ซึ่งไม่ได้ส่งผลให้เกิดความร่วมมืออย่างมีนัยสำคัญในแง่ของการปรับปรุงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน แพทองธารยังไม่ได้ปฏิบัติตาม คำมั่น ก่อนหน้านี้ของรัฐบาลที่จะยุติการจัดซื้ออาวุธของกองทัพเมียนมา โดยผ่านระบบธนาคารของประเทศไทย 

การจำกัดเสรีภาพด้านความเห็นและการชุมนุมอย่างสงบ

การแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์และต่อต้านรัฐ ยังคงถูกจำกัดในประเทศไทย จนถึงเดือนสิงหาคม มีบุคคลอย่างน้อย1,959 คนที่ถูกดำเนินคดีจากการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพด้านความเห็นและการชุมนุมอย่างสงบ รวมทั้งอย่างน้อย 274 คนที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ ทางการไทยมักควบคุมตัวผู้วิจารณ์สถาบันกษัตริย์เป็นเวลาหลายเดือนระหว่างรอการพิจารณา โดยไม่ให้ประกันตัว ในวันที่ 15 พฤษภาคม เนติพร เสน่ห์สังคม นักกิจกรรมที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ เสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวเพื่อรอการพิจารณา

การแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์หรือดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ ยังคงเป็นความผิดอาญาร้ายแรงตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ ทางการยังได้ใช้ข้อหายุยงปลุกปั่นเพื่อดำเนินคดีกับนักกิจกรรมฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายต่อต้านกว่า 150 คน

เชื่อว่ามีบุคคลอย่างน้อย1,469 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประท้วงในปี 2563 และอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีโดยเฉพาะการละเมิดมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งมีการประกาศใช้ตามพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน แม้จะมีการยกเลิกพระราชกำหนดนี้ไปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565

วันที่ 5 กันยายน ทางการไทย กดดัน สมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพฯ ให้ยกเลิกการจองห้อง เพื่อจัดงานเปิดตัวหนังสือเกี่ยวกับวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถูกบังคับให้สูญหายในกัมพูชาเมื่อปี 2563 

การบังคับให้สูญหายและการทรมาน

ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาระหว่างประเทศต่อต้านการทรมานและการบังคับให้สูญหายแต่พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ไม่ได้รับการบังคับใช้อย่างจริงจัง

จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการให้คำตอบเกี่ยวกับกรณีการบังคับให้สูญหาย รวมทั้งกรณีที่ฝ่ายต่อต้านรัฐชาวไทยเก้าคนที่ลี้ภัย ซึ่งถูกลักพาตัวระหว่างอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คณะทำงานแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการบังคับให้สูญหายหรือโดยไม่สมัครใจได้แสดงความกังวล เกี่ยวกับการบังคับให้สูญหายในบริบทของการส่งตัวผู้เห็นต่างจากรัฐข้ามแดน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน

ยังไม่มีการให้คำตอบต่อ ข้อกล่าวหา จำนวนมากว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ได้ทำการทรมานชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูระหว่างถูกควบคุมตัว ในช่วงที่มีปฏิบัติการต่อต้านการก่อความไม่สงบของรัฐบาลในจังหวัดชายแดนใต้ ทั้งยังมีรายงานที่น่าเชื่อถือว่ามีการกระทำที่เป็นการทรมานเพื่อเป็น การลงโทษทหารเกณฑ์ 

นักปกป้องสิทธิมนุษยชน

รัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามพันธกรณีที่จะประกันให้นักปกป้องสิทธิมนุษยชน สามารถดำเนินงานของตนในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเกื้อหนุนได้

วันที่ 25 มิถุนายน มือปืนไม่ทราบชื่อได้ยิงสังหารรอนิง ดอเลาะ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนสำคัญซึ่งให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูที่ตกเป็นเหยื่อการจับกุมโดยพลการและการทรมานของกองกำลังของไทยในจังหวัดปัตตานี การสังหารและการบังคับให้สูญหายที่กระทำต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรมภาคประชาสังคม เป็นรอยด่างสำคัญของสถิติด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย การปกปิดข้อมูลปิดกั้นการดำเนินงานเพื่อให้ได้รับความยุติธรรม แม้ในกรณีที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก รวมทั้งกรณีที่เกิดขึ้นกับชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ พอละจี รักจงเจริญ นักกิจกรรมชาวกะเหรี่ยง และ สมชาย นีละไพจิตร ทนายความชาวมุสลิม

แม้ประเทศไทยจะได้ประกาศใช้แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ในปี 2562 แต่ทางการยังคงไม่สามารถคุ้มครองนักกิจกรรมและผู้แจ้งเบาะแสจากการฟ้องคดีเพื่อตอบโต้ โดยหน่วยงานของรัฐและบริษัทเอกชนได้  

การขาดความรับผิดต่อการปฏิบัติมิชอบที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ

ทางการไทยไม่สามารถนำตัวอดีตเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ของรัฐ 14 นายที่ถูกศาลสั่งฟ้องในข้อหาอาญา เพื่อมาเข้ารับการพิจารณาของศาลได้ รวมทั้งในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา พยายามฆ่า และการควบคุมตัวอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรงต่อผู้ประท้วงที่เป็นชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ในเดือนตุลาคม 2547 ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 85 คน และได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน โดยอายุความ 20 ปีของคดีสิ้นสุดลงในเดือนตุลาคม 2567 ทำให้ไม่สามารถดำเนินคดีต่อไปได้

มีความคืบหน้าน้อยมากเกี่ยวกับคดีแพ่งและอาญา ที่เป็นผลมาจากการปฏิบัติมิชอบและการใช้กำลังจนเกินขอบเขตของตำรวจปราบจลาจล ระหว่างการสลายการชุมนุมเพื่อประชาธิปไตยในปี 2563-2566

ทหารมีส่วนรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บล้มตายส่วนใหญ่ระหว่างการเผชิญหน้าทางการเมืองในปี 2553 กับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือที่เรียกว่ากลุ่ม “คนเสื้อแดง” ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 99 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน โดยยังไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลระหว่างการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ถูกดำเนินคดี

รัฐบาลยังไม่สามารถสอบสวนทางอาญาต่อกรณีการสังหารกว่า 2,800 ครั้งที่เกิดขึ้นในระหว่าง “สงครามปราบปรามยาเสพติด” ในยุคของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2546

ความรุนแรงและการปฏิบัติมิชอบในจังหวัดชายแดนใต้ 

การขัดกันด้วยอาวุธในจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลาของประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 7,000 คนตั้งแต่เดือนมกราคม 2547 ในปี 2567 ยังคงมีปฏิบัติการของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบต่อเป้าหมายที่เป็นทหารและพลเรือน แม้จะมีการเจรจาระหว่างตัวแทนของรัฐบาลกับขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (BRN) ซึ่งเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ในเวลาเดียวกัน กองกำลังของไทยได้ทำการทรมาน การสังหารอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย และการปฏิบัติมิชอบอื่น ๆ ต่อชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูโดยไม่ต้องรับผิด ในหลายกรณี ทางการไทยเลือกใช้วิธีจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้เสียหายและครอบครัว เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี

ประเทศไทยยังไม่ได้รับรองปฏิญญาความปลอดภัยในโรงเรียน ในขณะที่กลุ่ม BRN ยังคงคัดเลือกเด็กเพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการก่อความไม่สงบ 

ผู้ลี้ภัย ผู้แสวงหาที่ลี้ภัย และแรงงานข้ามชาติ 

ประเทศไทยไม่ได้เป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาของสหประชาชาติว่าด้วยสถานะผู้ลี้ภัย พ.ศ. 2494 หรือพิธีสารเลือกรับ พ.ศ. 2510 แต่พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายห้ามการส่งกลับ หมายถึงการบังคับส่งกลับบุคคลไปยังสถานที่ใด ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงอย่างแท้จริงว่า อาจจะต้องเผชิญกับการประหัตประหาร การทรมาน หรือการปฏิบัติที่โหดร้ายอื่น ๆ หรือภัยคุกคามต่อชีวิตของตนเอง อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ไทยยังคงปฏิบัติกับผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่ลี้ภัย เหมือนเป็นผู้เข้าเมืองที่ไม่มีเอกสาร ทำให้เสี่ยงจะต้องถูกจับกุมและเนรเทศ ทางการไทยละเมิดข้อห้ามระหว่างประเทศที่ห้ามการส่งกลับ รวมทั้ง การส่งผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่ลี้ภัย กลับไปประเทศที่พวกเขาอาจต้องเผชิญกับการประหัตประหาร

ในวันที่ 12 มิถุนายน ผู้รายงานพิเศษว่าด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชน แสดงความกังวล เกี่ยวกับการจับกุม อี ควิน เบดั๊บ ผู้ลี้ภัยชาวมองตานญาด และกระตุ้นทางการไทยไม่ให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปเวียดนาม

การสู้รบที่รุนแรงขึ้นในเมียนมา และการบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารของรัฐบาลทหาร ทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับประชาชนจำนวนมากขึ้นที่หลบหนีจากเมียนมา และการเข้าถึงความคุ้มครองในประเทศไทย ในเดือนเมษายน กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า ประเทศไทยได้เตรียมพร้อมที่จะให้การรองรับเป็นการชั่วคราวกับผู้ลี้ภัยชาวเมียนมามากถึง 100,000 คน ไม่นับรวมผู้ลี้ภัยอีกประมาณ 90,000 คน ที่อยู่ตามค่ายพักพิงเก้าแห่งตลอดแนวพรมแดนกับเมียนมาในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา

ทางการไทยปฏิเสธไม่พิจารณาให้สถานะผู้ลี้ภัยกับชาวลาว ชาวม้ง ชาวอุยกูร์ ชาวโรฮิงญา และชาวเกาหลีเหนือผ่าน กลไกคัดกรองระดับชาติ

ยังคงมีชาวอุยกูร์ประมาณ 50 คนและชาวโรฮิงญาอีกหลายร้อยคน ที่ถูกควบคุมตัวโดยไม่มีเวลากำหนดในสภาพที่เลวร้ายในสถานกักตัวคนต่างด้าวทั่วประเทศไทย โดยไม่อนุญาตให้หน่วยงานด้านผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) สามารถเข้าถึงคนเหล่านี้ได้

ในเดือนสิงหาคมประเทศไทยได้ถอนข้อสงวนต่อข้อ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กที่แสวงหาสถานะผู้ลี้ภัย หรือผู้ที่มีสถานะผู้ลี้ภัย แต่กระทรวงศึกษาธิการ สั่งปิด โรงเรียนหกแห่งสำหรับเด็กที่มาจากเมียนมาทั่วประเทศในเดือนกันยายน 2567 โดยอ้างว่ามีการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาพม่าซึ่งผิดกฎหมาย

แรงงานข้ามชาติจากทุกสัญชาติในประเทศไทย ถูกห้ามไม่ให้มีสิทธิในการจัดตั้งสหภาพแรงงาน หรือเป็นกรรมการบริหารสหภาพแรงงานที่จดทะเบียนกับรัฐบาล ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ 

รสนิยมทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ 

ในเดือนกันยายน รัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียมที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาในปี 2567 ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รับรองความสัมพันธ์ของเพศเดียวกัน อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงไม่มีขั้นตอนปฏิบัติทางกฎหมายที่จะรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพของบุคคลข้ามเพศ