Skip to main content

ประเทศไทย

กิจกรรมปี 2018

© 2018 Kyodo News via Getty Images

Keynote

Essays

 
illustration
As China’s Grip Tightens, Global Institutions Gasp

Limiting Beijing’s Influence Over Accountability and Justice

 
illustration
Caught in the Middle

Convincing “Middle Powers” to Fight Autocrats Despite High Costs

 
illustration
Atrocities as the New Normal

Time to Re-Energize the “Never Again” Movement

 
illustration
Breaking the Buzzword

Fighting the “Gender Ideology” Myth

 
illustration
Can Algorithms Save Us from Human Error?

Human Judgment and Responsibility in the Age of Technology

 
illustration
Living Longer, Locked Away

Helping Older People Stay Connected, and at Home

 
201901wr_equatorialguinea_human_rights
Equatorial Guinea

Events of 2018

 
illustration
Social Media’s Moral Reckoning

Changing the Terms of Engagement with Silicon Valley

รัฐบาลทหารในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ชะลอการยกเลิกมาตรการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก การสมาคม และการชุมนุมอย่างเข้มงวดออกไป แม้จะประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมาพันธ์ 2562 มีข้อกังวลอย่างร้ายแรงว่า พรรคการเมือง สื่อมวลชน และผู้มีสิทธิออกเสียง ยังคงถูกขัดขวางไม่ให้มีโอกาสเข้าร่วมในกระบวนการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชายังคงใช้อำนาจอย่างปราศจากการตรวจสอบ ทั้งจากฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ และไม่มีการรับผิดแม้เมื่อเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง

เสรีภาพในการแสดงออก

หน่วยราชการซึ่งปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลทหาร มักเซ็นเซอร์ข้อมูล และขู่ลงโทษและสั่งปิดสื่อมวลชน กรณีที่เผยแพร่ข้อมูลที่วิพากษ์วิจารณ์ระบอบทหารและสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือนำเสนอประเด็นที่ถูกมองว่าอ่อนไหวต่อความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2561 ได้มีคำสั่งพักการดำเนินงานของสถานีโทรทัศน์พีซทีวีเป็นการชั่วคราว เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเหล่านี้ ในขณะเดียวกันมีการสั่งพักการออกอากาศรายการ “Tonight Thailand” และ “Wake Up News” ของวอยซ์ทีวีเป็นเวลา 15 วันในเดือนมีนาคม และ 30 วันในเดือนกันยายน

ทางการไทยมักเข้าไปขัดขวางการสัมมนาทางวิชาการและการอภิปราย เกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในประเทศไทย ในเดือนสิงหาคม ชยันต์ วรรธนะภูติ นักวิชาการที่มีชื่อเสียงและผู้เข้าร่วมการสัมมนาคนอื่น ๆ ในการประชุมทางวิชาการไทยศึกษา ซึ่งจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2560 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ถูกฟ้องศาลในข้อหาละเมิดคำสั่งคสช.ที่ห้ามการชุมนุมสาธารณะของบุคคลกว่าห้าคนขึ้นไป และกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่ต่อต้านคสช. เนื่องจากมีการชูสามนิ้วและมีการถือแผ่นกระดาษ วิพากษ์วิจารณ์การเข้ามาสอดแนมอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ทหารในระหว่างการประชุม

หน่วยราชการในจังหวัดปทุมธานีสั่งให้ยกเลิกการสัมมนาที่จัดขึ้นโดยเครือข่ายเพื่อสันติภาพชาวโรฮิงญาแห่งประเทศไทย ในโอกาสครบรอบหนึ่งปีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ของเมียนมาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม โดยอ้างว่ากิจกรรมนี้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับเมียนมา ในวันที่ 10 กันยายน คสช.สั่งให้ยกเลิกการอภิปรายรายการ “นายพลทหารเมียนมาจะต้องเข้ารับการไต่สวนจากอาชญากรรมระหว่างประเทศหรือไม่?” (“Will Myanmar's Generals Ever Face Justice for International Crimes?”) ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ด้วยเหตุผลเดียวกัน

ในปี 2561 นักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างน้อย 130 คนในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ถูกดำเนินคดีข้อหาชุมนุมอย่างผิดกฎหมาย และบางคนถูกดำเนินคดีข้อหายุยงปลุกปั่น จากการเรียกร้องอย่างสงบให้รัฐบาลทหารจัดการเลือกตั้งตามที่สัญญา โดยไม่ให้มีการชะลอออกไป และให้ยกเลิกมาตรการจำกัดเสรีภาพขั้นพื้นฐานโดยทันที

ในเดือนตุลาคม พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกประกาศว่า มีความเป็นไปได้ที่กองทัพอาจทำรัฐประหารอีก เพื่อควบคุมความไม่สงบทางการเมือง

รัฐบาลทหารยังคงดำเนินคดีผู้วิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ข้อหายุยงปลุกปั่น และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ต่อไป นับแต่รัฐประหารปี 2557 มีบุคคลอย่างน้อย 92 คนที่ถูกดำเนินคดีในข้อหายุยงปลุกปั่น ในเดือนกุมภาพันธ์ ทางการดำเนินคดีกับวัฒนา เมืองสุข นักการเมืองที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ ในข้อหายุยงปลุกปั่นและละเมิดพรบ.คอมฯ จากการโพสต์เฟซบุ๊กให้กำลังใจนักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม

พรบ.คอมฯ กำหนดฐานความผิดที่กว้างขวาง เป็นเหตุให้ทางการสามารถดำเนินคดีกับบุคคลใด ๆ ที่โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ได้ ในเดือนมิถุนายน ทางการได้ออกหมายจับวัฒนา เอ็บเบจซึ่งอาศัยอยู่ที่กรุงลอนดอน เนื่องจากการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กที่ชื่อ KonthaiUK โดยกล่าวหาว่ามีการทุจริตในโครงการจัดซื้อของกองทัพ มีบุคคลอย่างน้อย 29 คนในประเทศไทยที่ถูกจับกุมเนื่องจากได้แชร์ข้อความของวัฒนา ในเดือนกันยายน ทางการได้จับกุมผู้ใช้เฟซบุ๊ก 12 รายจากการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่ามีการข่มขืนนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า ทั้งยังมีการออกหมายจับซูซาน เอมเมอรี่ ชาวอังกฤษซึ่งเป็นผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ออนไลน์ Samui Times และประมุข อนันตศิริ ชาวอเมริกันเชื้อสายไทยซื่งเป็นแอดมินของเฟซบุ๊ก CSI LA เนื่องจากเผยแพร่รายงานและวิพากษ์วิจารณ์คุณภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีนี้

ในปี 2561 คสช.ยังคงเรียกตัวสมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล และสมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งบุคคลใด ๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านระบอบทหาร เพื่อให้เข้ารับ “การปรับทัศนคติ” ทั้งนี้เพื่อบังคับให้พวกเขายุติการแสดงความเห็นทางการเมืองเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหาร หากไม่ไปรายงานตัวจะถือเป็นความผิดอาญา

ทางการได้จับกุมบุคคลกว่า 100 คนในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนับแต่รัฐประหารปี 2557 ส่วนใหญ่เนื่องจากการโพสต์หรือแชร์ข้อความในลักษณะวิพากษ์วิจารณ์ มีบางส่วนที่ศาลตัดสินว่ามีความผิดและลงโทษจำคุกเป็นเวลาหลายทศวรรษ

การควบคุมตัวของทหารและศาลทหาร

ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 และ 13/2559 หน่วยงานทหารมีอำนาจในการควบคุมตัวบุคคลแบบลับ โดยสามารถอ้างความผิดได้หลายประการ และสามารถควบคุมตัวไว้ไม่เกินเจ็ดวันโดยไม่มีการตั้งข้อหา ไม่สามารถเข้าถึงทนายความ และไม่มีหลักประกันเพื่อป้องกันการปฏิบัติมิชอบ รัฐบาลยังใช้อำนาจควบคุมตัวโดยทหารอยู่เสมอ โดยอ้างอำนาจตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งมักเป็นเหตุให้เกิดการปฏิบัติมิชอบระหว่างการสอบปากคำ โดยไม่มีผู้ใดต้องรับผิด เป็นกฎหมายที่นำมาใช้ระหว่างปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนใต้รวมทั้งปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

คสช.ปฏิเสธคำขอให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่อยู่ในการควบคุมตัวของทหาร และปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่าทหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซ้อมทรมานหรือการปฏิบัติมิชอบต่อผู้ถูกควบคุมตัว

รัฐบาลทหารไม่ยอมโอนคดีอาญา 369 คดีต่อพลเรือนกว่า 1,800 คนในศาลทหาร ไปให้กับศาลพลเรือนตามข้อกำหนดของกฎหมายระหว่างประเทศ

การบังคับบุคคลให้สูญหายและการทรมาน

ประเทศไทยได้ลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลสูญหาย (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance) ในเดือนมกราคม 2555 แต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน ประมวลกฎหมายอาญาไม่กำหนดฐานความผิดเกี่ยวกับการบังคับบุคคลให้สูญหาย หลังจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลทหาร ได้ชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. ....ในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 รัฐบาลยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะนำร่างพรบ.ฯ นี้เข้าสู่การพิจารณาอีกครั้งเมื่อใด

กรมสอบสวนคดีพิเศษไม่มีความคืบหน้าในการสอบสวนคดีการบังคับบุคคลให้สูญหาย รวมทั้งคดีที่สำคัญสองคดีต่อสมชาย นีละไพจิตร ทนายความสิทธิมนุษยชนที่เป็นมุสลิม และ บิลลี่ "พอละจี รักจงเจริญ" นักเคลื่อนไหวชาวกะเหรี่ยง ในเวลาเดียวกัน คณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและบังคับให้สูญหายของรัฐบาลแทบไม่มีอำนาจหรือไม่มีเจตจำนงทางการเมืองที่จะดำเนินงานอย่างจริงจัง

ประเทศไทยไม่มีกฎหมายเอาผิดทางอาญาต่อการทรมาน ตามที่กำหนดในอนุสัญญาสหประชาชาติต่อต้านการทรมาน ซึ่งไทยให้สัตยาบันรับรองเมื่อปี 2550 ในปี 2561 ทางการยังคงไม่ดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจังและน่าเชื่อถือเมื่อมีข้อกล่าวหาว่าเกิดการทรมานขึ้น เมื่อมีการกล่าวหาว่าหน่วยงานของรัฐเกี่ยวข้องกับการทรมาน พวกเขามักตอบโต้โดยการฟ้องหมิ่นประมาทและใช้พรบ.ฯ คอมฟ้องผู้กล่าวหา โดยอ้างว่าเผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้เสียชื่อเสียงและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน) ได้ฟ้องคดีหมิ่นประมาททั้งทางอาญาและทางแพ่งต่ออิสมาแอ เต๊ะ ซึ่งได้ระบุในการให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสว่า เขาถูกทรมานระหว่างการควบคุมตัวของทหารในจังหวัดปัตตานีเมื่อปี 2551 กองทัพยังได้ดำเนินคดีหมิ่นประมาททางอาญาและเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาทจากแมนเนเจอร์ออนไลน์ จากการเผยแพร่รายงานข้อกล่าวหาว่ามีการทรมานอิสมาแอและชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูคนอื่น ๆ ในจังหวัดชายแดนใต้ชองไทย

การขาดความรับผิดต่อความรุนแรงที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง

แม้จะมีพยานหลักฐานชี้ว่า ทหารมีส่วนรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บล้มตายส่วนใหญ่ในระหว่างการเผชิญหน้าทางการเมืองกับกลุ่มนปช.หรือคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 90 คนและได้รับบาดเจ็บกว่า 2,000 คน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารหรือเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการสังหารและการทำให้พลเรือนบาดเจ็บครั้งนี้ ในเวลาเดียวกัน แกนนำนปช.และผู้สนับสนุนจำนวนมากได้ถูกดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553

นักปกป้องสิทธิมนุษยชน

จนกระทั่งปี 2561 คำสัญญาของรัฐบาลที่จะจัดทำมาตรการเพื่อคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนยังไม่เป็นผล การสังหารนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรมภาคประชาสังคมกว่า 30 คนตั้งแต่ปี 2544 ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย การปกปิดข้อมูลของกองทัพและการปฏิบัติงานย่อหย่อนของตำรวจ เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินคดีกับทหารซึ่งเป็นผู้ยิงชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวชาวลาหู่จนเสียชีวิตในเดือนมีนาคม 2560 ที่จังหวัดเชียงใหม่

หน่วยราชการและบริษัทเอกชนฟ้องคดีหมิ่นประมาททั้งทางแพ่งและอาญา เพื่อตอบโต้บุคคลที่รายงานข้อมูลการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชน ในเดือนมีนาคม 2561 ศาลจังหวัดพระโขนงสั่งให้อานดี้ ฮอลล์ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงานต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 10 ล้านบาท รวมทั้งค่าทนายความและค่าธรรมเนียมศาล ให้กับบริษัท เนเชอรัล ฟรุต จำกัด จากการที่เขาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัลจาซีราในเดือนเมษายน 2556 กล่าวหาว่ามีการปฏิบัติมิชอบต่อแรงงานชาวพม่าในโรงงานสับปะรดกระป๋องของบริษัท ทางบริษัทยังคงเดินหน้าเพื่อให้มีการดำเนินคดีหมิ่นประมาททางอาญาและความผิดทางคอมพิวเตอร์ต่ออานดี้ ฮอลล์ เนื่องจากเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงาน “สินค้าถูก แต่มีราคาสูง” “Cheap Has a High Price” ในปี 2556 ของกลุ่ม FinnWatch

ทางการยังคงดำเนินคดีอาญาต่อศิริกาญจน์ เจริญศิริ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในข้อหายุยงปลุกปั่นและข้อหาร้ายแรงอื่น ๆ เนื่องจากการปฏิบัติตามวิชาชีพทางกฎหมายเพื่อเป็นทนายความให้กับนักศึกษา 14 คน ที่ถูกจับกุมในเดือนมิถุนายน 2558 หลังจากการชุมนุมประท้วงอย่างสงบที่กรุงเทพฯ

ในเดือนพฤษภาคม ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติหกคน เรียกร้องให้ประเทศไทยแก้ไขกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเพื่อป้องกัน “การใช้กฎหมายหมิ่นประมาทอย่างมิชอบโดยบริษัท” เนื่องจากที่ผ่านมามักมีการใช้กฎหมายหมิ่นประมาท เพื่อตอบโต้ผู้ที่ออกมาเปิดโปงข้อมูล หรือรายงานว่ามีการปฏิบัติมิชอบด้านแรงงาน

ในรายงานประจำปีที่เผยแพร่เมื่อเดือนกันยายน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติระบุว่า ไทยเป็นหนึ่งใน 38 ประเทศซึ่งบุคคลที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชน เสี่ยงจะถูกคุกคามหรือตอบโต้  

จากการแก้ไขพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ส่งผลให้หน่วยงานอ่อนแอลงอย่างมาก รัฐบาลยังสั่งให้กสม.เผยแพร่ข้อมูลตอบโต้ข้อมูลในรายงานของกลุ่มสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและรัฐบาลต่างประเทศ ซึ่งระบุถึงปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย

ความรุนแรงและการปฏิบัติมิชอบในจังหวัดชายแดนใต้

นับแต่เดือนมกราคม 2547 สมาชิกขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (BRN) ได้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายสงครามหลายครั้ง โดยกว่า 90% ของผู้ที่ถูกสังหารจำนวน 6,800 คนในระหว่างการขัดกันด้วยอาวุธในจังหวัดชายแดนใต้เป็นพลเรือน รวมทั้งเด็ก ซึ่งมาจากทั้งชุมชนมุสลิมเชื้อสายมลายูและไทยพุทธ

ในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ชาวไทยพุทธอย่างน้อยห้าคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกับระเบิดซึ่งวางไว้โดยกลุ่มบีอาร์เอ็นในสวนยางของจังหวัดยะลา

ที่ผ่านมารัฐบาลไม่สามารถฟ้องคดีต่อเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่มีส่วนรับผิดชอบกับการทรมาน และการสังหารชาวมุสลิมเชื้อสายมลายูอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างไรก็ดี หน่วยราชการได้ให้เงินช่วยเหลือกับผู้เสียหายหรือครอบครัว เพื่อแลกกับการที่พวกเขาไม่ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่หรือออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผู้ลี้ภัย ผู้แสวงหาที่ลี้ภัย และแรงงานข้ามชาติ

ประเทศไทยไม่ให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัย พ.ศ. 2494 และพิธีสาร พ.ศ. 2510 ทางการไทยยังคงปฏิบัติกับผู้แสวงหาที่ลี้ภัย รวมทั้งบุคคลที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากองค์การสหประชาชาติเหมือนเป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง โดยเสี่ยงจะถูกจับกุมและส่งกลับ จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนมกราคม 2560 ให้มีกลไกคัดกรองผู้แสวงหาที่ลี้ภัยระดับชาติ

ตั้งแต่เดือนสิงหาคม รัฐบาลเริ่มกวาดล้างระดับชาติต่อผู้หลบหนีเข้าเมือง มีการจับกุมผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่ลี้ภัยกว่า 200 คนจากเวียดนาม กัมพูชา และปากีสถาน พวกเขาถูกควบคุมตัวในห้องขังของตม.ที่มีสภาพเลวร้าย มีการแยกเด็กกว่า 50 คนออกจากพ่อแม่ของพวกเขาด้วย

รัฐบาลปฏิเสธไม่ให้หน่วยงานแห่งสหประชาชาติดำเนินการจำแนกสถานะผู้ลี้ภัยของผู้แสวงหาที่ลี้ภัยชาวโรฮิงญา และกักตัวพวกเขาอย่างน้อย 105 คนโดยไม่มีเวลากำหนดในสถานกักตัวคนต่างด้าว มีรายงานว่า ชาวอุยกูร์กว่า 60 คนจากประเทศจีนยังคงถูกกักตัวโดยไม่มีเวลากำหนดในสถานกักตัวคนต่างด้าวขณะที่เขียนรายงานนี้ หลังถูกจับกุมเมื่อเดือนมีนาคม 2557

แรงงานข้ามชาติจากเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม เสี่ยงจะถูกปฏิบัติมิชอบทางกาย ถูกกักตัวโดยไม่มีเวลากำหนด ถูกเจ้าหน้าที่รีดไถ ถูกปฏิบัติมิชอบอย่างรุนแรงด้านสิทธิแรงงาน ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยนายจ้าง ถูกปฏิบัติด้วยความรุนแรง และตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ของกลุ่มอาชญากร ซึ่งมักร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่ฉ้อฉล สถานการณ์เลวร้ายลงเนื่องจากบุคคลเหล่านี้ไม่สามารถขึ้นทะเบียนเป็นแรงงานได้ทันตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ซึ่งกำหนดให้ขึ้นทะเบียนภายในเดือนมิถุนายน แรงงานข้ามชาติยังคงเกรงกลัวไม่กล้ารายงานข้อมูลต่อหน่วยราชการ เมื่อมีการปฏิบัติมิชอบ เนื่องจากกลัวจะถูกตอบโต้ ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ แรงงานข้ามชาติถูกห้ามไม่ให้รวมตัวหรือเป็นกรรมการของสหภาพแรงงาน

ในเดือนกรกฎาคม ศาลแขวงที่กรุงเทพฯ ยกฟ้องคดีหมิ่นประมาททางอาญาต่อแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมา 14 คน ที่ถูกนายจ้างฟ้อง นายจ้างของพวกเขาคือบริษัทธรรมเกษตร จำกัด ซึ่งมีฟาร์มเลี้ยงไก่ในจังหวัดลพบุรี หลังจากพวกเขาร้องเรียนกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศาลมีความเห็นว่าคนงานเหล่านี้ได้ดำเนินการร้องเรียนอย่างสุจริตใจเพื่อปกป้องสิทธิของตนตามที่รับรองในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและอนุสัญญาระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี ทางบริษัทยังคงฟ้องคดีหมิ่นประมาท เพื่อตอบโต้กับคนงานและนักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ต่อไป

การปฏิรูปอุตสาหกรรมประมงของรัฐบาล ยังคงไม่สามารถแก้ปัญหาการปฏิบัติมิชอบอย่างร้ายแรงด้านสิทธิแรงงาน แรงงานข้ามชาติจำนวนมากยังคงตกเป็นเหยื่อแรงงานบังคับในอุตสาหกรรมประมง อยู่ในสภาพที่เป็นแรงงานขัดหนี้ให้กับนายหน้า ไม่สามารถเปลี่ยนนายจ้างได้ ไม่ได้รับค่าแรงตามเวลา และได้รับค่าแรงต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมาย

สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย (NFAT) ซึ่งมีอิทธิพล ได้รณรงค์ต่อต้านการให้สัตยาบันและการดำเนินงานตามอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่188 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง ซึ่งจะให้ความคุ้มครองอย่างเพียงพอกับคนงานประมงที่เสี่ยงภัย แรงต่อต้านจากสมาคมประมงไม่ให้มีการออกกฎหมายเพื่อเอาผิดทางอาญากับแรงงานบังคับเป็นการเฉพาะ ยังเป็นอุปสรรคทำให้ประเทศไทยไม่สามารถปฏิบัติตามพันธกิจ หลังจากให้สัตยาบันรับรองพิธีสารเลือกรับ พ.ศ. 2557 ของอนุสัญญาแรงงานบังคับในเดือนมิถุนายนได้

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จัดให้ประเทศไทยอยู่ใน Tier 2 (จากสามอันดับ) ในรายงานประจำปีว่าด้วยการค้ามนุษย์ คณะมนตรียุโรปได้แสดงข้อกังวลเกี่ยวกับการค้ามนุษย์และแรงงานบังคับในเรือประมงไทย และได้ให้ใบเหลืองกับประเทศไทย เป็นสัญญาณเตือนว่าอาจมีการคว่ำบาตรทางการค้าเนื่องจากการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และขาดการควบคุม (IUU fishing)

ความเท่าเทียมระหว่างเพศ

แม้ว่าประเทศไทยได้ตราพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 แต่ยังไม่มีการบังคับใช้อย่างเป็นผล ยกตัวอย่างเช่น คำสัญญาของรัฐบาลตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบต่อสตรี (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination Against Women-CEDAW) ในแง่การปรับปรุงความเท่าเทียมระหว่างเพศ ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้งมติในเดือนกันยายนที่ยกเลิกการอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้

นโยบายปราบปรามยาเสพติด

รัฐบาลไม่สามารถสอบสวน เพื่อคลี่คลายคดีการสังหารนอกกระบวนการกฎหมาย ในระหว่างปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดได้ โดยเฉพาะการสังหารที่เกิดขึ้นกว่า 2,800 ครั้ง อันเป็นผลมาจากสงครามปราบปรามยาเสพติดของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2546

กระทรวงมหาดไทยและกองทัพยังคงใช้วิธีบำบัดผู้เสพยาแบบเดียวกับการฝึกในค่ายทหารต่อไป

หน่วยงานระหว่างประเทศที่สำคัญ

องค์การสหประชาชาติและประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไทย ยังคงแสดงข้อกังวลต่อไปเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังรัฐประหารปี 2557 สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และประเทศอื่น ๆ ต่างยืนยันว่าจะฟื้นฟูความสัมพันธ์เป็นปรกติ ก็ต่อเมื่อรัฐบาลทหารคืนระบอบประชาธิปไตยแบบพลเรือนให้ประเทศ โดยจัดให้มีการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม

ในเดือนธันวาคม 2560 รัฐมนตรีต่างประเทศของสหภาพยุโรปทั้ง 28 ประเทศ มีมติให้ฟื้นฟูการติดต่อทางการเมืองในทุกระดับกับประเทศไทย และแสดงความพร้อมที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์และความร่วมมือด้วย เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาตามระบอบประชาธิปไตย

สหภาพยุโรปตำหนิประเทศไทยหลังมีการประหารชีวิตบุคคลเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี เมื่อเดือนมิถุนายน และกระตุ้นให้รัฐบาลไทยงดเว้นจากการประหารชีวิต และให้เดินหน้าไปสู่ความตกลงชั่วคราวที่จะยุติการประหารชีวิต และการยกเลิกโทษประหารในที่สุด