Skip to main content

ออสเตรเลีย/ประเทศไทย: กระตุ้นรัฐบาลทหารให้ยุติการปราบปราม

รมต.บิชอปควรกล่าวถึงข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างการประชุมที่กรุงเทพฯ


(ซิดนีย์ 3 สิงหาคม 2560) – จูลี บิชอป รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียควรกดดันผู้นำรัฐบาลทหารไทยให้ยุติการปราบปรามสิทธิ และประกันให้มีการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วสู่ระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยโดยพลเรือน ระหว่างการเยือนกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 2-5 สิงหาคม 2560 ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวในวันนี้ ออสเตรเลียอยู่ระหว่างการฉลองครบรอบ 65 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศไทย ซึ่งตกอยู่ใต้การปกครองที่กดขี่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่นำโดยนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา มากกว่าสามปี

ภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ท่านบิชอปได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย โดยระบุว่า “เรามักพบเห็นเสถียรภาพทางการเมืองที่ยั่งยืน จากการฟื้นฟูรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย ซึ่งบริหารประเทศตามหลักนิติธรรม”

“ไม่ว่ารัฐบาลทหารไทยจะสัญญาว่าจะเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างไร แต่รัฐบาลทหารก็ยังคงทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย” อีเลน เพียร์สัน (Elaine Pearson) ผู้อำนวยการประเทศออสเตรเลีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว “ท่านบิชอปต้องเน้นย้ำข้อกังวลอย่างลึกซึ้งของออสเตรเลียที่มีต่อระบอบปกครองของทหารที่กดขี่ในประเทศไทย”

ในจดหมายถึงท่านบิชอปเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2560 ฮิวแมนไรท์วอทช์ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลทหารไทยไม่ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อฟื้นฟูระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยแต่อย่างใด

รัฐบาลทหารไทยต้องได้รับทราบว่า สถานการณ์จะไม่กลับไปสู่ภาวะปรกติ จนกว่าประเทศไทยจะฟื้นฟูระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยโดยพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง และมีการฟื้นฟูความเคารพอย่างเต็มที่ต่อสิทธิมนุษยชน
อีเลน เพียร์สัน

ผู้อำนวยการประเทศออสเตรเลีย

ในขณะที่ผู้นำรัฐบาลทหารและนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ใช้อำนาจอย่างกว้างขวางและปราศจากความรับผิด โดยไม่มีการกำกับดูแลใด ๆ รัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งมีการประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ประกันว่าสมาชิกของคสช.จะไม่ต้องรับผิดใด ๆ ต่อการละเมิดสิทธิต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนับแต่ยึดอำนาจ ทั้งยังเพิ่มความเข้มแข็งและสืบทอดอำนาจปกครองประเทศของทหาร แม้จนภายหลังมีการเลือกตั้งซึ่งรัฐบาลทหารสัญญาว่าจะจัดขึ้นภายในปี 2561 แล้วก็ตาม  

แม้มีคำสัญญาของรัฐบาลทหารที่จะปรองดองและเสนอ “โรดแมป” เพื่อฟื้นฟูระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยโดยพลเรือน แต่ทางการไทยกลับมุ่งปราบปรามอย่างรุนแรงต่อสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย คสช.ได้ใช้อำนาจเซ็นเซอร์และสั่งห้ามสื่อวิจารณ์การปกครองของทหาร

ทางการได้ดำเนินคดีกับผู้วิพากษ์วิจารณ์และผู้เห็นต่างโดยใช้ข้อหาอาญาที่ร้ายแรง รวมทั้งข้อหายุยงปลุกปั่น เนื่องมาจากการแสดงความเห็นอย่างสงบ มีคำสั่งห้ามการชุมนุมสาธารณะของบุคคลกว่าห้าคนขึ้นไปและการจัดกิจกรรมต่อต้านรัฐประหาร บุคคลหลายพันคนได้ถูกเรียกตัวและถูกกดดันให้ยุติการแสดงความเห็นทางการเมือง โดยเฉพาะความเห็นที่ไม่สอดคล้องกับคสช. โดยคสช.อ้างว่าการแสดงความเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง จะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม และได้ใช้เหตุผลนี้เข้าทำการสั่งระงับการจัดกิจกรรมทางการเมือง การอภิปรายทางวิชาการ การสัมมนา และเวทีสาธารณะอื่น ๆ ในประเด็นซึ่งเกี่ยวกับสถานะของสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในประเทศไทยภายใต้การปกครองของทหาร หน่วยงานของกองทัพได้ใช้อำนาจควบคุมตัวบุคคลแบบลับโดยไม่มีข้อหาหรือไม่มีการไต่สวน และสามารถสอบปากคำพวกเขาโดยไม่ให้เข้าถึงทนายความ หรือไม่มีหลักประกันเพื่อป้องกันการปฏิบัติมิชอบ

ฮิวแมนไรท์วอทช์กระตุ้นท่านบิชอปให้กดดันพลเอกประยุทธ์ให้ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะเคารพสิทธิมนุษยชนและฟื้นฟูหน่วยงานการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยพลเรือน ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดทางการทูต การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ทำให้ออสเตรเลียมีบทบาทสำคัญที่จะแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ โดยหยิบยกประเด็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนขึ้นมาพูดคุยกับรัฐบาลไทย

“จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแรงกดดันจากออสเตรเลีย เพื่อช่วยยุติการปราบปรามในประเทศไทย” เพียร์สันกล่าว “รัฐบาลทหารไทยต้องได้รับทราบว่า สถานการณ์จะไม่กลับไปสู่ภาวะปรกติ จนกว่าประเทศไทยจะฟื้นฟูระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยโดยพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง และมีการฟื้นฟูความเคารพอย่างเต็มที่ต่อสิทธิมนุษยชน”

Your tax deductible gift can help stop human rights violations and save lives around the world.